วิธีเตรียมตัวก่อนเป็นฟรีแลนซ์
1. มีวิสัยทัศน์
อุปสรรคแรกและใหญ่ที่สุดในการออกเดินทางทำฟรีแลนซ์เป็นงานประจำก็คือ การเอาชนะใจตัวเองที่คอยบอกว่าทำไม่ได้และอย่าทำเลยให้ได้ เพื่อที่จะก้าวข้ามความคิดเหล่านี้ต้องพิสูจน์ให้ตัวเองเห็นว่าการทำฟรีแลนซ์นั้นสามารถเป็นจริงได้ ไอเดียที่มีนั้นไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อแต่คือแผนการทำธุรกิจต่างหาก ลองถามตัวเองดูว่า ทำไมถึงอยากทำฟรีแลนซ์เต็มตัว แล้วทำไมลูกค้าถึงต้องมาสนับสนุน เพื่อช่วยให้เห็นภาพได้ชัดขึ้นและจะได้ไม่หลงทางเวลาลงมือทำจริง
2. เลือกรูปแบบการทำงาน
เพื่อให้การตัดสินใจครั้งนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ฟรีแลนซ์เซอร์ควรเลือกว่าจะใช้รูปแบบไหนในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการเป็นเจ้าของคนเดียวหรือจดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัด โดยควรพิจารณาจากเป้าหมายของงานที่ทำและควรหาความรู้ถึงประโยชน์ของการจัดตั้งบริษัทแต่ละประเภท แม้ว่ารูปแบบจะสามารถเปลี่ยนได้ในภายหลัง แต่จะดีกว่าถ้าฟรีแลนซ์เซอร์มีรูปแบบอยู่ในใจตั้งแต่ต้นเพื่อที่จะสามารถจัดเตรียมแผนการบัญชีและภาษีได้อย่างถูกต้อง
3. สร้างวัตถุดิบทำการตลาด
การวางรากฐานธุรกิจให้แข็งแกร่งสามารถทำได้โดยการพัฒนาวัตถุดิบที่จะใช้ในการทำการตลาด ซึ่งอาจเริ่มด้วยการสร้างกระแสก่อนการเปิดบริษัทอย่างเป็นทางการผ่านทางการทำเว็บไซต์ เปิดแอคเคาท์ทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กและทำนามบัตร หรืออาจบอกเล่าให้คนในครอบครัว เพื่อนและนักลงทุนฟังก่อนเปิดตัวสักอาทิตย์หรือสักเดือนเพื่อสร้างการรับรู้และการบอกต่อ
4. เตรียมแฟ้มงาน
สิ่งหนึ่งที่ต้องรู้คือ อย่าทำฟรีแลนซ์เป็นอาชีพแบบเต็มตัวก่อนที่จะมีประสบการณ์ในการทำโปรดักต์หรือนำเสนอการให้บริการ เพราะผลงานที่เคยทำมาสามารถนำมาจัดทำเป็นแฟ้มงานเสนอลูกค้าได้และเป็นอีกเครื่องมือในการทำมาร์เก็ตติ้งให้กับธุรกิจที่มี การทำพอร์ตฟอลิโอนั้นไม่ใช่เรื่องยากแต่ต้องอาศัยเวลาและทรัพยากร ดังนั้นถ้าใครยังไม่เคยมีผลงานมาก่อนก็แค่ทำขึ้นมาซะ อาจจะเป็นการนำเสนอบริการให้ลูกค้าแบบฟรีๆ หรือผลิตตัวอย่างงานในเวลาว่างเพื่อเก็บเข้าแฟ้มงานนั่นเอง
5. จัดทำระบบการเงิน
เช่นเดียวกับการทำอาชีพประเภทอื่น การจัดการและวางแผนดำเนินการด้านการเงินอย่างเป็นระบบเป็นสิ่งที่ฟรีแลนซ์เซอร์ไม่ควรมองข้าม เช่น การกำหนดราคาสินค้าหรือบริการ สร้างแบบฟอร์มใบแจ้งหนี้ วางแผนการบัญชี รวมไปถึงพิจารณาจำนวนเงินที่ต้องกันไว้สำหรับจ่ายภาษี เป็นต้น
6. หาฐานลูกค้า
เมื่อลูกค้าเป็นองค์ประกอบหลักอย่างหนึ่งในการทำให้ธุรกิจเดินไปข้างหน้า การแบ่งเวลาหลังจากทำงานและช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ในการสร้างฐานลูกค้าในอนาคตเป็นอีกเรื่องที่มีความสำคัญ โดยไม่ต้องรอให้ถึงเวลาเปิดตัวกิจการอย่างเต็มรูปแบบ แค่เพียงใช้การถามไถ่จากเพื่อนๆ คนในครอบครัวหรือเพื่อนร่วมงานเพื่อให้ได้ข้อมูลคนที่น่าจะเป็นลูกค้าก็เป็นตัวช่วยที่ดี
7. เชื่อมั่นในตัวเอง
เส้นทางการผจญภัยทั้งหมดนั้นเริ่มต้นที่การมีความเชื่อมั่นในตัวเองซึ่งนับเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดหากอยากจะก้าวเดินสู่เส้นทางที่วางเอาไว้ การสงสัยในความสามารถของตัวเองไม่ใช่สิ่งที่ควรนำมาคิดและเป็นสิ่งที่ควรกำจัดทิ้งไป เพียงแค่ปรับมุมมองและทัศนคติใหม่เป็นว่า “ถ้าคนอื่นทำได้ แล้วทำไมเราจะทำไม่ได้” ก็เท่ากับได้ก้าวข้ามอุปสรรคด่านแรกไปแล้ว
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup
cr https://www.smethailandclub.com/startups-3827-id.html
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ย้อนกลับไปสมัยที่ทำงานประจำ ตอนที่กำลังตัดสินใจลาออก ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ลำบากใจมากที่สุดในชีวิตอีกครั้ง ถ้าใครที่ผ่านช่วงเวลานั้นจะเข้าใจดีครับ ผมเองก็มีความฝันเหมือนกับมนุษย์เงินเดือนทั่วๆไป คืออยากออกมาทำอะไรซักอย่าง เป้าหมายของผมคืออยากออกมาทำงานฟรีแลนซ์ แต่สมองของผมผุดคำถามขึ้นมาตลอดว่าจะสามารถอยู่รอดได้มั้ย? เนื่องจากมีหนี้คอนโดอยู่ประมาณ 1,700,000 ลำพังแค่หาเช้ากินค่ำก็ลำบากแล้ว แต่นี่ยังเป็นหนี้ก้อนโตอีก
ผมลองไปปรึกษากับผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย ซึ่งก็ได้คำตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “มึงคิดดีแล้วนะ” แต่ขึ้นชื่อว่าอิสรภาพแล้วย่อมไม่ต่างอะไรกับสาวสวยชุดแดงที่กวักมือเรียกหยอยๆ พร้อมส่งสายตาหยาดเยิ้มปานน้ำตาลเชื่อม เราไม่รู้ว่าเธอจะมาไม้ไหน เธออาจจะพิศวาสเราจากใจจริงหรือเธออาจจะเป็นฆาตกรโรคจิตที่รอโอกาสเชือดคอเวลาเผลอก็เป็นได้ ทุกอย่างออกได้ทั้งหัวและก้อย
สิ่งเดียวที่จะทำให้รู้ได้คือ.. “ต้องเข้าไปสัมผัส”
หลังตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าออกชัวร์ สิ่งที่สำคัญลำดับต่อมาก็คือการวางแผน หัวใจสำคัญที่จะทำให้คุณรอดจากการเป็นฟรีแลนซ์คือ ลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นให้มากที่สุด ยิ่งคุณมีความเสี่ยงน้อยเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีโอกาสรอดมากขึ้นเท่านั้น ผมได้นิยามความเสี่ยงของผมออกเป็น 2 ข้อ คือ เงินและสุขภาพ ผมใช้เวลาในการเตรียมตัวและวางแผนประมาณครึ่งปี สำหรับเตรียมสิ่งที่จะตอบโจทย์ของ 2 ข้อนี้ และสิ่งที่ผมจะต้องมี คือ
1. เงินสดอย่างน้อย 120,000 บาท
ก่อนหน้านี้ผมมีเงินเก็บอยู่เล็กน้อย พอตัดสินใจลาออกผมก็โหมเก็บเงินให้ได้มากที่สุด โดยวางแผนไว้จะต้องอยู่รอดให้ได้ 6 เดือน ตามที่รุ่นพี่ฟรีแลนซ์ในสื่อออนไลน์แนะนำมา โดยอันนี้ผมคิดเผื่อว่าจะต้องคลอบคลุมค่าผ่อนคอนโดประมาณเดือนละ 10,000 บาท อีกหนึ่งหมื่นก็เอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายจิปาถะ สำหรับคนที่ไม่มีภาระบ้านหรือรถถือว่าโชคดีมาก คุณอาจจะลดเงินเก็บลงมาเล็กน้อยอีกก็ได้ อาจจะเหลือเดือนละ 10,000–15,000 x 6 เดือนเข้าไปเป็นอย่างน้อย
2. คอมพิวเตอร์ที่ใช้ทำงาน 2 เครื่อง
ด้วยความที่ผมเป็น Designer อุปกรณ์สำคัญที่สุดในการทำงานหารายได้ คือ คอมพิวเตอร์ ก่อนออกจากงาน ผมตัดสินใจซื้อ Macbook อีกเครื่อง เหตุผลคือ ป้องกันเครื่องเก่าหรือเครื่องใดเครื่องหนึ่งมีปัญหา สำหรับคนที่ตัดสินใจได้แล้ว ถ้าทำงานในสายงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ เช่น นักออกแบบ โปรแกรมเมอร์ หรือนักเขียนฯ ผมแนะนำให้มีเครื่องคอมไว้ 2 เครื่องจะดีที่สุด เพราะบางอย่างอาจเกิดขึ้นได้โดยไม่มี Notification แจ้งเตือนล่วงหน้า
3. ถ้าต้องการทำธุรกรรมอะไรกับธนาคารให้ทำก่อนออกจากงาน
ผมเองเคยเจอเหตุการณ์สุดประทับใจตอนเป็นฟรีแลนซ์แรกๆ มีธนาคารโทรมาชวนทำบัตรเครดิต พนักงานขายก็ถามว่าตอนนี้ทำงานอะไร ผมก็ตอบไปว่าเป็นฟรีแลนซ์ พนักงานขายก็อึ้งไปซักพัก ทันใดนั้นเองเธอก็ถามต่อ “ไม่ทราบว่ามีเพื่อน พี่ น้อง สนใจทำบัตรเครดิตมั้ยคะ” ผมโดนเมินเอาดื้อๆ เลยครับ T T เหมือนมีคนทำท่าว่าจะจีบ แต่แล้วเธอก็เปลี่ยนท่าทีพร้อมกับบอกว่า “ชั้นชอบเพื่อนเธอ” เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผมเข้าใจมากขึ้นครับว่าฟรีแลนซ์เป็นของแสลงธนาคารจริงๆ แต่สำหรับท่านใดที่ต้องการปฏิเสธการขายประกัน หรือโทรชวนทำบัตรเครดิต แนะนำให้ใช้มุก “ผมเป็นฟรีแลนซ์” ได้เลยครับ ฮ่าๆๆ
กลับเข้าเรื่องต่อ ผมมีภาระจากการกู้คอนโดสมัยเป็นพนักงานประจำ ก่อนลาออกจะครบกำหนด 3 ปีพอดีสำหรับการปรับอัตราดอกเบี้ยใหม่ ผมต้องการจะรีไฟแนนซ์บ้าน จึงรอทำเรื่องก่อนค่อยลาออก เหตุผลคือต้องใช้หลักฐานทางการเงินและความมั่นคงของพนักงานประจำเป็นใบเบิกทางในการดำเนินงานแบบง่ายๆ ท่านใดที่ต้องการยื่นทำบัตรเครดิตหรือกู้ยืมอะไร แนะนำให้ทำก่อนลาออกจากงานจะดีที่สุด ไม่อย่างนั้นคุณจะถูกธนาคาร Say No ได้ง่ายๆ
4. ทำประกันไว้
ความเสี่ยงเป็นสิ่งที่เราคาดเดาไม่ได้เสมอ เรื่องสุขภาพหรืออุบัติเหตุก็เช่นกัน วันดีคืนดีมันอาจจะเดินมาเคาะประตูบ้านคุณก็ได้ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องประกันแล้วทุกคนมักจะส่ายหน้า ผมเองก็เคยคิดแบบนั้นเช่นกัน แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ผมต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ คือ แฟนผมเกิดอุบัติเหตุขึ้นแบบไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ อยู่ดีๆก็เป็นลมวูบไปขณะขับมอเตอร์ไซต์ ก็เล่นเอาหัวเข่าแตกเย็บไปหลายเข็มและต้องนอนในห้องไอซียู 1 คืน สรุปหมดค่าใช้จ่ายไปประมาณสามหมื่น โชคดีที่มีประกันช่วยไว้ ไม่อย่างนั้นคงต้องควักเนื้อออกมาจ่ายเอง หลังเหตุการณ์ผมจึงตัดสินใจทำประกันอุบัติเหตุและประกันสุขภาพแบบพ่วงออมทรัพย์ไปด้วยอย่างละตัว ซึ่งก็จ่ายไปตกเดือนละพันกว่าๆ ถือว่าไม่แพงเลยครับกับความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายที่จะตามมา ขอแนะนำว่าควรมีกันนะครับ เพราะประกันมีแต่ไม่ได้ใช้ ย่อมดีกว่าจะใช้แล้วไม่มี
5. แจ้งลูกค้าเก่าๆว่าเราออกมาเป็นฟรีแลนซ์แล้ว
นี่คือแหล่งทรัพยากรที่จะทำให้เราอยู่รอด คุณต้องกล้าแจ้งถึงสถานะของคุณที่กำลังจะเปลี่ยน ไม่ต้องกลัวไม่ต้องอายครับ ประกาศบนโลกโซเชี่ยลเลยก็ได้ เพราะลูกค้าของคุณอาจเป็นหนึ่งในนั้น ผมเองบอกลูกค้าเก่าๆ สมัยรับงานฝิ่นก่อนออกประมาณ 2 สัปดาห์ อย่าบอกเร็วหรือช้าเกินไปครับ เพราะถ้าบอกเร็วไป สมมุติลูกค้ามีงานชิ้นใหญ่มาให้ทำขณะที่เรายังไม่ได้ออก อาจจะส่งผลกระทบต่องานประจำเอาได้ หรือถ้าเราบอกช้าไป อาจจะทิ้งช่วงเวลาระยะหนึ่งกว่างานจะเข้า อาจจะทำให้ขาดรายได้ไปซักพัก แนะนำให้บอกล่วงหน้าประมาณ 1–2 สัปดาห์กำลังดีครับ
อีกหัวใจสำคัญที่คุณต้องเตรียมคือ “เตรียมใจ” เตรียมใจในที่นี้ หมายถึง คุณต้องทำใจไว้ว่าความลำบากกำลังจะมาเยือน ผมอยากให้ลืมภาพที่ว่า นั่งชิวๆ ในร้านคาเฟ่เก๋ๆ มองดูบาริสต้าที่กำลังดริฟเมล็ดกาแฟอย่างเพลิดเพลิน อยากบอกว่าฟรีแลนซ์ที่ทำแบบนั้นได้คือว่างครับ (ฮ่าๆๆ) ถ้าคุณมีงานเข้ามาตลอด คุณจะไม่มีเวลาชะโงกหัวออกจากจอได้แน่นอน
และอีกข้อที่อยากแนะนำคือ อย่ามองโลกในแง่ดีเกินไปครับ ผมอยากให้คุณมองโลกตามความเป็นจริงมากกว่า เพราะหลายๆอย่างไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด ซึ่งมันอาจจะทำให้คุณขวัญเสีย วิตก เครียด จนคุณอยากจะกลับไปตรงจุดเดิม ผมเองก็เคยมีช่วงที่คิดเพ้อฝันประหนึ่งซานตาครอสมีอยู่จริง คิดว่างานจะต้องเข้ามาไม่ขาดสายหรือมีเงินใช้อย่างไม่ขาดมือ แต่พอผ่านไปซักพักทุกอย่างกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด ผมต้องปรับความคิดใหม่และทำใจเอาไว้ว่าจะลืมตาอ้าปากได้ต้องอย่างน้อย 2 ปี ระหว่างทางผมต้องระวังตัวให้มากที่สุด มองสถานการณ์ให้เลวร้ายที่สุดและวางแผนเอาไว้ เพราะถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ อย่างน้อยเราก็มีทางที่จะรับมือ
ขึ้นชื่อว่าอิสระแล้วย่อมราคาแพง แต่ใช่ว่าเราจะเอื้อมไม่ถึง ความพยายามและไหวพริบเท่านั้น ที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเราแน่สักแค่ไหน ผมขอภาวนาให้ทุกคนที่ตัดสินใจออกมาล่าความฝัน สามารถผ่านมันไปได้และประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ครับ
cr: https://medium.com/@d12vam/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B9%8C-9a62250a02ca
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คู่มือ ฟรีแลนซ์ (Freelance) ฉบับผู้เริ่มต้น ตอนที่ 1 เกริ่นนำ และหางาน
ในปัจจุบัน ฟรีแลนซ์ (Freelance) เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากการที่มีความเป็นอิสระในการทำงาน ทั้งในเรื่องของสถานที่ เวลา และรูปแบบของการทำงาน ทำให้ผู้คนเริ่มหันมาทำ อาชีพฟรีแลนซ์ กันมากขึ้น
ในการทำงานของ ฟรีแลนซ์ นั้น จะมีกระบวนการทำงานปลีกย่อยที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับรายบุคคล แต่ภาพรวมของการทำงานหลักจะไม่แตกต่างกันมาก ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเริ่มต้นจากการติดกับต่อกับลูกค้าเพื่อรับงาน เมื่อตกลงกันได้แล้วก็เริ่มเข้าสู่กระบวนการทำงานตามที่ได้ตกลงกันไว้ และเมื่อทำงานเสร็จสิ้น เราก็ทำการส่งมอบงานและรับเงิน
Image for post
กระบวนการทำงานของฟรีแลนซ์ Freelance
อย่างที่เกริ่นไว้ก่อนหน้าครับ ว่าแต่ละคนอาจมีกระบวนการทำงานปลีกย่อยที่แตกต่างกันออกไป วันนี้ผมจึงมาแนะนำกระบวนการ และเครื่องมือสำหรับฟรีแลนซ์ (สายเว็บไซต์) ที่ผมใช้จริงในการทำงานครับ
เริ่มต้นรับงาน, หางาน
ในส่วนของการหางาน หรือหาลูกค้านั้น ผมก็จะแนะนำเหมือนกับหลายๆ ที่ ที่เคยเขียนแนะนำไว้ครับ นั่นก็คือการสร้างตัวตนของเราให้เป็นที่รู้จักเสียก่อน ว่าเราเป็นใคร และเราสามารถทำอะไรได้บ้าง ผลงานของเรามีอะไรบ้าง ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมลูกค้าถึงจะเลือกเรานั้น ลูกค้าจะเป็นคนตัดสินใจเองครับ ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆ ก็คงเหมือนการหาแฟนนะครับ ถ้าเราอยู่บ้านคนเดียวเฉยๆ เราคงแทบไม่มีโอกาสที่จะมีแฟน แต่ถ้าหากเราไปออกรายการ เทค มี เอาท์ ไทยแลนด์ โอกาสมีแฟนของเราก็จะมีมากกว่าใช่ไหมละครับ ส่วนเหตุผลที่คนอื่นจะเลือกเรานั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าเรามีดีอย่างไร เรานำเสนอออกไปอย่างไร และตรงตามที่เขาต้องการไหม เราไม่สามารถทำให้ทุกคนเลือกเราได้ครับ และเราก็ไม่สามารถเลือกทุกคนได้เช่นกัน
สำหรับผู้เริ่มต้นใหม่หลายๆ คนอาจจะยังไม่มีผลงานของตนเอง ซึ่งผมก็เคยประสบปัญหานี้เช่นเดียวกันครับ ผมเลยเริ่มต้นจากการทำเว็บไซต์ของตนเองขึ้นมาก่อน เพื่อให้คนอื่นได้ดูว่าเรามีฝีมือประมาณไหน และรูปแบบของงานเราตรงตามที่เขาต้องการหรือไม่
นอกจากการสร้างผลงานของตัวเองแล้ว งานฟรี ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม ตรงนี้เราอาจจะเริ่มทำงานให้คนรู้จักฟรีเพื่อสะสมผลงาน และประสบการณ์ หรือเราอาจจะทำ งานแจก คือสร้างผลงานขึ้นมาและแจกจ่ายให้ผู้อื่นสามารถนำไปใช้งานได้ฟรี ก็ได้เช่นเดียวกันครับ ซึ่งแบบหลังอาจจะสะดวกกว่าเพราะเราสามารถสร้างสรรค์ผลงานตามแบบที่เราต้องการเองได้เลย แต่แบบแรกจะทำให้เรามีประสบการณ์ในการรับงานจริง รวมถึงการพูดคุยกับลูกค้าของเราครับ
วิธีและเครื่องมือในการสร้างตัวตน
เขียนบล็อกเผยแพร่ความรู้ที่ตนเองมี
WordPress.org
Medium
เผยแพร่ผลงาน, Portfolio
Behance
GitHub
แนะนำตัวตามเว็บไซต์ต่างๆ
Fastwork แหล่งรวมฟรีแลนซ์คุณภาพ
FreelanceBay ศูนย์ฟรีแลนซ์คุณภาพ
Menn Studio เว็บไซต์ของคุณเม่น มีหน้าแนะนำตัวคนทำเว็บไซต์
Facebook Group ต่างๆ
การติดต่อ พูดคุยกับลูกค้า
ในช่วงแรกๆ ของการเริ่มรับงาน หลายคนอาจจะยังกังวลว่าเราต้องคุยกับลูกค้าของเราอย่างไร และพูดคุยเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งจริงๆ วิธีการพูดคุยของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไปตามบุคคลิกส่วนบุคคล
สำหรับช่องทางการติดต่อนั้น ลูกค้าส่วนใหญ่ของผมมักจะเริ่มติดต่อเข้ามาผ่านทาง โทรศัพท์ และอีเมลเป็นหลัก รองลงมาก็จะเป็น Facebook และ Line ครับ แต่ผมมักจะไม่ค่อยใช้ Facebook และ Line ส่วนตัวแอดเป็นเพื่อนกับลูกค้า เพราะตั้งใจแบ่งพื้นที่งานกับพื้นที่ส่วนตัวแยกจากกันให้ชัดเจน
ในเรื่องของการติดต่อนั้น ส่วนนี้ถือว่าเป็นโจทย์ให้คิดกันอีกข้อหนึ่งนะครับว่าเขาเหล่านั้นจะมีข้อมูลการติดต่อของเราได้อย่างไร ซึ่งจริงๆ โจทย์ข้อนี้จะไปสัมพันธ์กับเรื่องด้านบนที่ท่านได้อ่านผ่านมาแล้วนั่นคือในขั้นตอนที่เราสร้างตัวตน เราควรที่จะแจ้งรายเอียดช่องทางการติดต่อเราไว้ด้วย เผื่อคนที่สนใจงานของเราจะติดต่อเข้ามาหาเราได้ครับ
สำหรับการพูดคุยครั้งแรกนั้นเราควรทำให้ตัวเราเองและลูกค้ารู้สึกผ่อนคลาย ไม่ให้มีความวิตกกังวล รวมถึงลดความเร็วในการสนทนาให้ช้าลง เพราะจะช่วยให้เราคุยรายละเอียดได้อย่างราบรื่นและสื่อสารได้ข้อมูลอย่างสมบูรณ์ที่สุด การเริ่มคุยโดยพื้นฐานจะเป็นการแนะนำตัวเองให้ลูกค้าได้ทราบก่อน บางครั้งลูกค้าก็จะเริ่มการสนทนาด้วยการบอกความต้องการของลูกค้าเลย ตรงนี้ผมมักจะขออนุญาตถามชื่อของลูกค้าก่อน เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น สำหรับการพบกันครั้งแรก (นัดเจอ) เราอาจสอบถามเรื่องทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานก็ได้ครับ เช่น ทานอะไรมาหรือยัง หรือเดินทางรถติดไหม เป็นต้นครับ
เมื่อแนะนำตัวพื้นฐานกันเรียบร้อยแล้ว ก็จะเริ่มสอบถามความต้องการของลูกค้า ว่าสิ่งที่ลูกค้าต้องการคืออะไร โดยส่วนนี้ผมมักจะให้ลูกค้าเล่าถึงความเป็นมาและ ภาพรวมของสิ่งที่ลูกค้าต้องการเสียก่อนครับ และค่อยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่สงสัยหรือตกขาดไป เช่นโทนสีและอารมณ์ที่ต้องการสื่อ มีโลโก้แล้วหรือยัง เป็นเว็บไซต์แบบ Static หรือ Dynamic เป็นเว็บไซต์กี่ภาษา เป็นต้นครับ หลายๆ ข้อเราสอบถามเพื่อแนะนำลูกค้าต่อ ถ้าเราเห็นว่าบางส่วนไม่สำคัญหรือไม่จำเป็น ทำไปแล้วลูกค้าไม่ได้ใช้งาน หรือไม่มีคนดูแลต่อ เราก็ควรแนะนำเพื่อลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ออกครับ หลายคนอาจสงสัยว่าเราจะเสียผลประโยชน์หรือเปล่า ตรงนี้ผมมองว่ามีทั้งเสียและได้ครับ เพราะยิ่งค่าใช้จ่ายลดลงรายได้ของเราก็จะลดลงไปด้วย แต่โอกาสในการซื้อของลูกค้าก็จะมีมากขึ้นครับ และข้อสำคัญสำหรับการสนทนาคือการ “บันทึกประเด็นทุกอย่าง” ของการสนทนาครับ เพราะจะเป็นตัวช่วยเตือนความจำเป็นอย่างดี
บันทึกเพิ่มเติม : การคุยกับลูกค้านั้นควรใช้ภาษาที่เรียบง่าย และพยายามอธิบายศัพท์เทคนิค ให้เป็นภาษาที่คนทั่วไปเข้าใจได้ง่ายครับ
3 หัวใจหลักที่ลูกค้ามักจะถาม ได้แก่
ผลงาน
ระยะเวลา
ราคา
Image for post
3 หัวใจหลักที่ลูกค้ามักจะถาม
โดยทั้ง 3 คำถามนั้นถือเป็นคำถามพื้นฐานที่จะต้องเจอครับ และเป็นคำถามที่ถือว่าค่อนข้างตอบยากเช่นเดียวกันสำหรับผู้ที่เริ่มต้นรับงานใหม่ และยังไม่มีประสบการณ์ในส่วนนี้
สำหรับคำถามเกี่ยวกับผลงาน และระยะเวลานั้น เราอาจอ้างอิงจาก งานฟรี หรือ งานแจก ที่ได้เกริ่นไว้ด้านบนในส่วนของหัวข้อ “เริ่มต้นรับงาน, หางาน” ครับ ส่วนเรื่องราคานั้นเป็นคำถามที่ตอบยากที่สุดสำหรับผู้ที่เริ่มต้นใหม่ ถึงแม้จะเป็นคนที่ทำงานมาพอสมควรแล้ว แต่ถ้าหากลูกค้าถามเพื่อขอคำตอบเลย ผมก็มักจะไม่ตอบ ณ ตอนนั้นเลยครับ เพราะหากเราพูดออกไปแล้ว จะแก้ไขได้ยากมาก ดังนั้นควรกลับมาคิด และพิจารณาอย่างรอบคอบเสียก่อนครับ ก่อนที่จะเสนอราคาออกไป
ส่วนของ การคิดค่าแรง นั้น ลองอ่านรายละเอียดจากบล็อกของพี่เม่น เรื่อง แนวทางการคิดราคาค่าออกแบบ ได้ครับ อธิบายได้ค่อนข้างละเอียดและหลากหลายวิธี ซึ่งคำแนะนำเพิ่มเติมจากผมคือ ขั้นแรกให้คิดหาคาแรงพื้นฐาน ของตนเองขึ้นมาก่อนครับว่าอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ ซึ่งจะสามารถนำไปใช้เป็นเกณฑ์เปรียบเทียบในการคิดราคางานอื่นๆ ต่อไปได้ในอนาคตครับ
เครื่องมือสำหรับติดต่อกับลูกค้า
โทรศัพท์
อีเมล
Gmail
Custom Email Domain e.g. Yourdomainname.com
Social
Line
เนื่องจากเนื้อหาที่ค่อนข้างยาวมาก เลยตั้งใจแบ่งเรื่องออกเป็นหลายตอน เพื่อความง่ายสำหรับผู้อ่าน และตัวผมเองครับ
สำหรับตอนต่อไปนั้นจะเป็นเรื่องของ เอกสารและการเงิน ทั้งเรื่องของการออกใบเสนอราคา ใบวางบิล และใบเสร็จรับเงิน รวมไปถึงเรื่องการทำบัญชีของเราเอง เพื่อวางแผนทางการเงินสำหรับเราเหล่าอาชีพฟรีแลนซ์ครับ
cr: https://medium.com/@nattaphong/%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD-%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B9%8C-freelance-%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99-%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-1-%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B3-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99-60158bd20c
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ฟรีแลนซ์ อาชีพที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศทำงานได้ทุกที่ทุกเวลานักออกแบบหรือใครอีกหลายๆคนอยากที่จะก้าวเข้ามาวงการนี้กันทั้งนั้น แต่รู้ไหมว่าการเป็น ฟรีแลนซ์ นั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะอาชีพ ฟรีแลนซ์ นั้นเราจะต้องกำหนดหรือฝึกนิสัยของเราเองใหม่ เพราะไม่มีใครมาสั่งงานหรือบังคับให้ทำเรางานเหมือนเมื่อตอนทำงานในบริษัทหรือองค์กรต่างๆ
writing-notes-idea-conference
หลังจากที่ได้ออกมาเป็น ฟรีแลนซ์ อยู่สักพักใหญ่ๆก็ได้เห็นทั้งข้อดีและข้อเสียของการทำงานของทั้ง ฟรีแลนซ์ และงานประจำ และทั้ง 2 ทางนั้นก็ไม่มีอันไหนที่ดีไปทั้งหมดและแย่ไปทั้งหมด
การทำงานในบริษัทหรือองค์กรก็เปรียบเสมือน เราเป็นทหารที่นั่งรถถังออกทำสงครามไม่ว่าภายนอกจะสู้กันดุเดือดขนาดไหนแต่เราก็ยังมีรถถังที่เปรียบเสมือนบริษัทคอยรับหน้าให้เราอยู่ตลอดเวลาหน้าที่ของเราก็คือเดินหน้าตามรถถังไปอย่างเดียวพอสิ้นสุดสงครามเราก็แค่รับรางวัลแห่งความกล้าหาญนั่นก็คือเงินเดือน
แต่สำหรับสาย ฟรีแลนซ์ นั้นเราคือ ทหารที่ออกไปทำสงครามแต่ไม่มีรถถังอาวุธหรือกองกำลังสนับสนุนคอยช่วยเหลือสิ่งที่เราต้องทำคือหาอาวุธและวิธีที่จะชนะสงครามให้ได้และสิ่งสำคัญทั้งหมดก็คงหนีไม่พ้น เงิน ที่จะต้องนำมาซื้ออาวุธและสิ่งต่างๆเพื่อให้ชนะสงครามในครั้งนี้
เพราะฉะนั้นเรื่องเงินถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่ควรคิดถึงเป็นอันดับแรกของการออกมาทำสาย ฟรีแลนซ์ วันนี้จะมาถ่ายทอดประสบการณ์ตรงและการเตรียมตัวเตรียมเงินไว้สำหรับการออกมาทำสาย ฟรีแลนซ์ กันครับ
numbers-money-calculating-calculation
1. เราควรมีเงินเตรียมไว้เท่าไหร่ก่อนออกมาเป็น ฟรีแลนซ์
สำหรับการเตรียมเงินเอาไว้ใช้ในตอนที่เราได้ออกมาเป็น ฟรีแลนซ์ แล้วก็ให้คำนวนคร่าวๆจากค่าใช้จ่ายเบื้องต้นก่อนนะครับ ตัวอย่างเช่น
– ค่าอาหารต่อวันอยู่ที่ 100 บาท (คิดแบบประหยัดที่สุด) ให้คูณด้วยจำนวนวันคือ 30 วัน จะเท่ากับ 3,000 บาท/เดือน
– ค่าเดินทางในกรณีที่ต้องออกไปหาลูกค้าข้างนอก ครั้งละ 100 บาท (คิดแบบประหยัดที่สุด) เดือนละประมาณ 4 – 5 ครั้งตก 500 บาท/เดือน
– ค่าน้ำค่าไฟที่บ้านหรือห้องเช่าพูดง่ายๆก็คือสถานที่ทำงานของเรานั่นเอง (คิดแบบประหยัดที่สุด) 1,500 บาท/เดือน
– ค่าคอมพิวเตอร์ในการทำงานสำหรับคนที่ไม่มีหรือต้องการซื้อใหม่ ราคาคอมปกติจะอยู่ที่ 18,000 – 25,000 บาท , macbook หรือ คอมแบบแรงๆจะอยู่ที่ 30,000 – 50,000 บาทขึ้นไป
– ค่าอินเตอร์เน็ตค่าโทรศัพท์ไว้ติดต่องานหรือทำงาน (คิดแบบประหยัดที่สุด) 900 บาท/เดือน
– ค่ารักษาพยาบาลสำหรับกรณีที่ป่วย (คิดแบบประหยัดที่สุด) 500 – 1500 บาท/ครั้ง ควรจะเตรียมเงินในส่วนนี้เอาไว้เผื่อฉุกเฉิน
นี่แค่ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นสรุปคร่าวๆในแบบที่ประหยัดที่สุดรายจ่ายของ ฟรีแลนซ์ จะอยู่ที่ 6,000 บาท (แต่ใช้ชีวิตแบบโคตรประหยัดและโคตรที่ะต้องระวังตัวให้มากๆ)
2. ต้องเตรียมเงินเอาไว้กี่เดือน
เงินที่ควรจะต้องเตรียมเอาไว้สำหรับการออกมาเป็ร ฟรีแลนซ์ นั้นควรจะอยู่ที่ 3 เดือนขึ้นไปคิดคร่าวๆแบบประหยัดที่เฉพาะค่าใช้จ่าย 3 เดือนจะอยู่ที่ 18,000 บาท ไม่รวมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อุปกรณ์ทำงาน ของซื้อเข้าบ้านหรือภาระค่าใช้จ่ายอะไรที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคต สำหรับคำแนะนำควรกันค่าใช้จ่ายส่วนตัวเอาไว้ประมาณ 10,000 บาท/เดือน
3. จ่ายเงินให้ตัวแบบไหนดี
สำหรับการจ่ายเงินให้ตัวเองนั้นเราควรที่จะจ่ายในรูปแบบของเงินเดือนเพื่อไม่ให้เสียนิสัยว่าจะกดเมื่อไหร่ก็ได้เช่น แยกบัญชีเอาไว้ 2 บัญชี บัญชีที่ 1 เอาไว้เก็บเงินทุนและกำไรทั้งหมด บัญชีที่ 2 เอาไว้โอนมาให้เป็นเงินเดือนใช้ประจำเดือน พูดง่ายๆเราก็รับเงินเหมือนพนักงานประจำทั่วไป ถ้าหากเราไม่แยกบัญชีในอนาคตการใช้เงินของเราอาจจะวุ่นวายและไม่มีระเบียบวินัยก็ได้
4. แยกเงินเอาไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน
เราควรแยกเงินเอาไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินในทุกๆครั้งที่ได้รับเงินค่าจ้างมา เช่น ได้รับเงินค่าจ้างมา 15,000 บาท ให้แยกเอาไว้ 2,000 – 3,000 บาท เพื่อเตรียมซื้ออุปกรณ์การทำงานในอนาคตหรือในกรณีเจ็บป่วยอยากไปเที่ยว เงินฉุกเฉินตรงนี้จะสามารถช่วยเหลือเราได้ โดยไม่ต้องกระทบเงินกองกลางทั้งหมด
5. สรุปแล้วควรมีเงินเท่าไหร่
ถ้าให้สรุปง่ายๆเลยสำหรับการเตรียมเงินเอาไว้ควรจะมีเงินอยู่ที่ 50,000 บาทขึ้นไป (สำหรับคนที่มีอุปกรณ์ทำงานอยู่แล้ว) แต่สำหรับคนที่ต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์ทำงานใหม่ก็ควรอยู่ที่ 80,000 บาทขึ้นไป สำหรับคนที่ไม่ต้องซื้อของใหม่ก็อย่าชะล่าใจไปเพราะอุปกรณ์การทำงานมันมีวันเสื่อมสภาพสักวันก็ต้องเสียหรือเปลี่ยนใหม่
person-apple-laptop-notebook
อาชีพ ฟรีแลนซ์ ไม่ว่าจะสายไหนไม่ใช่ทำกันได้ง่ายๆ ก่อนจะออกมาเป็น ฟรีแลนซ์ เราต้องคิดว่าเราพร้อมแล้วรึเปล่าไม่ใช่แค่ออกมาเพราะเบื่องานประจำหรือเบื่อกฎเกณฑ์ต่างๆ เพราะทุกอาชีพทุกชีวิตล่วนมีกฎเกณฑ์กันทั้งสิ้น ไม่มีอย่างไหนดีที่สุดและแย่ที่สุด เพราะฉะนั้นเลือกและคิดดีๆ เวลาและบางสิ่งบางอย่างไม่มีวันย้อนกลับมาได้ และสำหรับ ฟรีแลนซ์ ก็ควรจะต้องมีขีดจำกัดในการทำงาน ออกกำลังกายบ้าง เที่ยวบ้าง การอยู่หน้าคอมพิวเตอร์แล้วทำงาน 24 ชม. นั้นไม่ใช่เรื่องดีแน่ครับ
Tip & Trick เล็กน้อย : ฟรีแลนซ์ หน้าใหม่สำคัญที่สุดควรจะต้องเก็บสะสม Portfolios และทำออกมาให้ดูดี เพราะเราไม่มีความน่าเชื่อถือเท่าบริษัทหรือ ฟรีแลนซ์ รุ่นเก่า การทำ Portfolios เอาไว้ถือเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งเป็นเว็บออนไลน์ตลอดเวลาเลยยิ่งดี แบบทางเว็บของแอดมิน grappikstudio.com หรือจะใช้ Portfolios Online อย่างอื่นเช่น www.behance.net ก็ได้
สำหรับเรื่องนี้เป็นการถ่ายทอดให้ฟังจากความคิดและประสบการณ์จริงทั้งหมดโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและถ้ามีข้อคิดดีๆหรือความรู้ดีๆสำหรับ ฟรีแลนซ์ แล้วสามารถ Comment บอกกันได้เลยครับ
cr: https://www.grappik.com/money-for-freelance
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
10 เคล็ดลับเป็นฟรีแลนซ์อย่างมืออาชีพ
ความฝันในชีวิตการทำงานของคนสมัยก่อน หรือรุ่นพ่อ-แม่ มักปลูกฝังให้ลูก ๆ เข้ารับราชการ เพื่อชีวิตการงานที่มั่นคงและมีหน้ามีตา แต่ในปัจจุบันการเป็นฟรีแลนซ์ถือเป็นความฝัน และไลฟ์สไตล์ที่น่าหลงใหลของคนรุ่นใหม่ (มนุษย์ Gen X - Z) ที่มีหัวใจรักอิสระ ด้วยไม่มีเวลาเข้างาน สถานที่ หรือเจ้านายมาผูกมัดในการทำงาน แต่ใช่ว่าทุกคนจะเหมาะสมกับการเป็นฟรีแลนซ์ ที่จริงแล้วชีวิตมนุษย์ฟรีแลนซ์ไม่ได้สวยหรู และง่ายดายอย่างที่คิด กว่าจะถึงจุดที่สามารถมีงานรองรับได้มากเพียงพอกับค่าครองชีพคุณต้องเจอกับอุปสรรคมากมาย แต่ถ้ามีใจมาทางนี้จริง ๆ แล้วละก็ เราลองมาอ่าน 10 วิธีที่ช่วยให้คุณเริ่มต้นเป็นฟรีแลนซ์ (Freelance) ได้อย่างมืออาชีพกันเลยครับ
Designer Hub
1. ค้นหาตัวเอง
ต้นไม้จะเติบโตอยู่ได้นาน รากต้องแข็งแรง ตึกจะสูงสง่าได้ เสาเข็มต้องใหญ่ คุณจะประสบความสำเร็จได้ก็ต้องเริ่มต้นจากพื้นฐานของตัวคุณเองเช่นกันหากไม่ค้นหาตัวเองก่อน แล้วดันทุรังทำงานในสายงานที่ไม่ใช่คุณ อาจทำได้แต่ในระยะยาวแล้ว ตัวคุณเองย่อมรู้ดีว่าการอยู่กับงานที่ไม่ใช่คุณ สุดท้ายแล้วคุณจะหมดไฟในการทำงานไปดื้อ ๆ เสียเอง
3 สิ่งที่จะช่วยประเมินตัวเองได้:
1. สิ่งที่สนใจ: ไม่จำเป็นว่าสิ่งนั้นคุณจะเคยทำมันหรือไม่ ลองลิสต์รายการความสนใจของคุณออกมาให้ได้อย่างน้อย 10 รายการ
2. สิ่งที่ชอบ: สิ่งที่คุณเคยทำแล้วมีความสุขนั้นและ อาจจะเป็นการวาดรูป ถ่ายรูป ดูหนัง ฟังเพลง ฯลฯ
3. สิ่งที่ถนัด: บางทีอาจเป็นอะไรที่คุณไม่ชอบเลยก็เป็นได้แต่ด้วยอะไรก็แล้วแต่ ทำให้คุณดันถนัดในสิ่งนั้น ๆ
เมื่อได้รายการ 3 สิ่งที่กล่าวมา ลองสรุปผลบวก-ลบ ประเมินสายงานที่เป็นไปได้ จากตัวอย่างสาขาออกแบบจากรูปด้านล่างนี้ บางทีสายงานที่เหมาะสมกับคุณอาจเป็นสายงานด้านออกแบบก็ได้ ถ้ายิ่งคุณค้นหาตัวเองได้ไวเท่าไหร่ ย่อมประสบความสำเร็จได้ไวและยั่งยืนเท่านั้น
2. ฝึกทักษะทีมีให้เชี่ยวชาญ
เมื่อได้สายงานที่ใช่คุณแล้ว คุณต้องมั่นฝึกฝน และทำมันบ่อย ๆ เพราะไม่ได้มีแค่คุณที่ทำได้ เมื่ออยู่ในสนามของการเป็นฟรีแลนซ์แล้ว คุณไม่มีตำแหน่งงานที่ชัดเจนเหมือนกับงานประจำไม่มีขอบเขตหน้าที่เฉพาะที่ต้องดูแล คุณจะอยู่แต่ท่ามกลางคู่แข่งในสายงานนั้น ๆ นับไม่ถ้วน เพราะฉะนั้นคุณต้องแข็งแกร่งด้วยตัวคุณเอง ด้วยทักษะความสามารถที่มีจะทำให้งานของคุณแตกต่าง มีเอกลักษณ์ และโดดเด่นเหนือบรรดาฟรีแลนซ์ของสายงานคุณ
3. สร้างหรือสะสมผลงานให้เยอะเข้าไว้ก่อน
ในกรณีที่คุณยังไม่เคยมีผลงานมาก่อนเลย ควรทำตัวอย่างผลงาน (Demo) หรือถ้าไม่เกี่ยงในการทำงานฟรี ก็ควรของานทำเพื่อสร้างประวัติการทำงานให้หลากหลาย และสร้างความน่าเชื่่อถือให้คุณส่วนคนที่มีผลงานมาบ้างแล้ว ควรรวบรวมสะสมผลงานที่มี โดยจัดสรรให้แบ่งแยกประเภทของผลงาน หากดูแล้วยังไม่มากพอ หรือยังขาดผลงานประเภทไหนที่สามารถอัพเดตPortfolio ของคุณให้ดูน่าสนใจขึ้นมาได้ หากกำลังมองหาไอเดียในการสร้าง Portfolio เก๋ๆ อยู่ละก็สามารถดูตัวอย่างได้ที่เว็บไซต์ Pinterest เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการทำโบว์ชัวร์ของคุณ
4. สร้างคอนเน็คชั่น (Connection)
เมื่อก้าวมาสู่จุดที่คุณต้องทำงานด้วยตัวเอง ก็ใช่ว่าคุณไม่ต้องพึ่งพาใครเลย อาจจะยากหน่อยตรงที่คุณไม่ได้อยู่ภายในองค์กรที่พาผู้คนมาให้คุณทำความรู้จักแต่ลึก ๆ แล้วมนุษย์ทุกคนเป็นสัตว์สังคม คุณต้องพาตัวเองออกไปให้สังคมรู้จัก ด้วยการเข้าร่วมกิจกรรมอาสา อีเว้นท์ งานต่าง ๆ ที่จะสามารถส่งเสริม Connection ในสายงานได้ฝึกให้เป็นคนเฟรนด์ลี่เข้าไว้ ยิ้มทักทาย แนะนำตัวกับคนที่สารมาถนำพา แนะนำงาน หรือป้อนงานให้คุณได้ อย่างน้อยที่สุดแล้วคุณจะต้องมีนามบัตรพกติดตัวไว้เสมอ เพราะคุณก็ไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้ว่าโอกาสที่จะได้รู้จักกับคนที่สามารถสนับสนุนงานคุณได้จะเป็นเมื่อไหร่ ที่ไหน บางทีอาจจะเป็นร้านกาแฟที่บังเอิญคุณไปนั่งทำงานแล้วมีเจ้าของโปรเจคผ่านมาเห็นก็เป็นได้
5. สร้าง Portfolio Online
ข้อนี้สำคัญที่สุด สำหรับฟรีแลนซ์สายงานออกแบบ และถือเป็นเครื่องมือเบิกทางให้คุณได้รับการติดต่อว่าจ้าง อย่างน้อยที่สุดคุณควรจะมี Portfolio Online หลักไว้สำหรับแนะนำ หรือนำเสนอผลงาน โดยอาจจะเลือกจาก Portfolio Online ที่มีลูกเล่นหลากหลาย สามารถปรับแต่งธีมของเว็บไซต์ให้เหมาะสมสวยงามกับ Profile ของคุณได้ หรือ Portfolio Online ที่ใช้งานง่าย อัพเดทผลงานได้ไม่จำกัด หรือมีทั้งสองอย่าง และฝากประวัติ (Profile) เพิ่มตัวอย่างผลงานไว้ใน Portfolio Online ที่คิดว่าลูกค้า หรือผู้ว่าจ้างจะเข้าถึงและเห็นผลงานของคุณได้ให้เยอะเข้าไว้ที่สุด เพราะลูกค้า หรือผู้จ้างส่วนใหญ่มักจะหานักออกแบบ จากการเยี่ยมชมผลงานมากกว่าประวัติการทำงานของของคุณ เพราะฉะนั้นยิ่งคุณเปิดสร้าง Portfolio Online เพิ่มผลงานไว้มากเท่าไหร่โอกาสในการได้งานย่อมมากกว่า
6. โปรโมทตัวเอง
อย่างที่บอกไว้ว่าคู่แข่งในสายงานคุณมีมากมาย ยิ่งถ้าคุณเพิ่งเริ่มต้นก้าวเข้ามาสู่วงการนี้ คุณต้องพรีเซ้นต์ตัวเองให้ได้ว่าคุณเจ๋งพอ ด้วยการประกาศให้โลกรู้ผ่านช่องทางสื่อที่คุณสามารถจะเข้าถึงได้เช่น การเขียน blog หรือ tutorial นอกจากจะเป็นการการันตีความสามารถแล้ว ยังถือเป็นการทำ SEO เพราะ Content Is King การที่คุณมีเนื้อหาดี ๆ ประกอบอยู่ด้วย ทำให้ถูกค้นพบได้ง่ายขึ้นในโลกออนไลน์ คนที่ตามหานักออกแบบได้เห็นทั้งผลงาน และเห็นว่าเราถนัดอะไร แบบนั้น อย่างไร อย่างใน Portfolio Online ที่นี่เองคุณก็ควรใส่เนื้อหาข้อมูลแนะนำบริการ (Service) และข้อมูลแนวคิดการออกแบบของผลงานให้น่าสนใจเข้าไว้
7. เข้าร่วมอบรม workshop สัมมนา
ฟรีแลนซ์ที่ดีต้องไม่หยุดที่จะเรียนรู้ และพัฒนาศักยภาพของตัวเอง การเข้าร่วมอบรมต่าง ๆ นอกจากจะได้ไอเดีย และองค์ความรู้ใหม่ ๆ จากวิทยากร คุณก็ยังจะสามารถสร้าง Connection กับผู้ที่มาเข้าร่วมด้วยกันก็เป็นได้หรืออย่างน้อยทีสุดเลย หากการอบรมนั้นไม่ช่วยเพิ่มความรู้ที่คุณมีขึ้นมาเลย คุณก็ยังได้รับใบประกาศนียบัตรมาเก็บสะสมไว้เก๋ ๆ เสริมความน่าสนใจให้กับ Profile ของคุณ
8. มีความรับผิดชอบ
ถ้าคุณตระหนักได้แล้วว่าการเป็นฟรีแลนซ์ไม่ใช่เรื่องง่าย คุณจะต้องจำไว้เลยว่าความรับผิดชอบต่องานที่รับมานั้น เป็นสิ่งที่คุณต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเพราะการทำงานฟรีแลนซ์ คือคุณต้องรับผิดชอบทุกขั้นตอนด้วยตัวของคุณเอง คุณต้องทำทุกอย่างโดยไม่มีข้อยกเว้น เพราะนั่นคือธุรกิจทั้งหมดของคุณ ดังนั้น จงวางแผนให้ละเอียด ทำทุกขั้นตอนด้วยความตั้งใจ อย่าประมาท แล้วคุณจะสามารถทำงานฟรีแลนซ์ได้อย่างราบรื่น และมีประสิทธิภาพ
9. มีความกล้า
ธุรกิจทั้งหมดคือของคุณ ไม่มีหัวหน้างานมาช่วยตรวจงาน หรือช่วยติดต่อประสานงานให้แต่อย่างไร คุณจะต้องมีความกล้าตัดสินใจเองทั้งหมด ตั้งแต่การรับงานติดต่อลูกค้า การประสานงานกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ คุณจะต้องกล้าที่จะเจอกับผู้คนใหม่ ๆ กล้าที่จะเสนอตัวเอง กล้าที่จะออกความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับงาน และตัวคุณเองเพราะจำไว้ว่าลูกค้าโหดกว่าบอสหลายเท่านัก คุณจะเป็นไก่อ่อนโดนโขกสับให้ทำงานแบบไม่คุ้มค่าจ้างไปเลย ถ้าคุณไม่กล้ากำหนดเงื่อนไข และทำข้อตกลงกับผู้จ้างให้ดีเสียก่อน
10. ขยัน อดทนถึกกว่าคูโบต้า
ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ มันก็เป็นเช่นนั้นเลย วันหยุดไม่มี เวลางานไม่มีกำหนด ไร้ซึ่งสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลใด ๆดังที่เพจกวีทำเว็บกล่าวไว้ว่า "พนักงานประจำทำงานวันละ 8 ชั่วโมง แต่ฟรีแลนซ์ทำงานวันละ 48 ชั่วโมง" รู้แบบนี้แล้วถ้าคิดอยากจะเป็นฟรีแลนซ์ เพราะจะได้ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ได้คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่แล้วล่ะ!
เห็นไหมคะว่าการเป็นฟรีแลนซ์ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย แต่ก็ไม่ยากหากคุณตั้งใจมากพอ และมีตัวช่วยที่ดีด้วยการเป็นสมาชิกกับผม Designer Hub ที่ช่วยตอบปัญหาธุรกิจฟรีแลนซ์ได้ทุกสาขา สิ่งสำคัญในการเป็นฟรีแลนซ์ที่ก้าวหน้าอย่างยั่งยืนก็คือ การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าของคุณ ด้วยวิธีนี้เรานำเสนออีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้คุณดูเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น นั่นก็คือ นามบัตรแนะนำตัวของคุณนั่นเอง
cr: https://www.gogoprint.co.th/%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B9%8A%E0%B8%AD%E0%B8%81/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99-%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B9%8C/
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ฟรีแลนซ์ (Freelance) อาชีพยอดนิยมโดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่ที่ไม่นิยมทำงานออฟฟิศ ไม่ต้องการตื่นแต่เช้า ฝ่ารถติดไปทำงานสามารถบริหารจัดการเวลาเอง แต่ความเป็นอิสระก็ต้องแลกมาด้วยอะไรหลายๆ อย่างทั้ง รายได้ที่แน่นอน เวลาทำงานที่อาจเพิ่มมากกว่าทำงานประจำ งานกับชีวิตส่วนตัวกลายเป็นเรื่องเดียวกัน
ดังนั้นถ้าอยากประสบความสำเร็จในอาชีพฟรีแลนซ์ เราต้องมีการเตรียมพร้อมที่ดี วันนี้ Thumbsup ได้รวบรวมการเตรียมพร้อม 5 ข้อ ก่อนจะเป็นฟรีแลนซ์ ดังนี้
จัดการเรื่องภาษี
การเสียภาษีไม่ใช่เรื่องของพนักงานประจำเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของทุกคนที่มีรายได้ รวมถึงฟรีแลนซ์ด้วย ซึ่งหลายคนมักมองข้าม ถ้าไม่อยากเจอกับปัญหาภายหลังควรเตรียมพร้อม ดังนี้
ขอเอกสาร 50 ทวิหรือใบรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายทุกครั้ง
จดค่าจ้างทุกครั้งที่ได้รับ หากไม่ได้รับเอกสาร 50 ทวิ ให้จดค่าจ้างทุกครั้งที่ได้รับ เพื่อนำไปคำนวณรายได้สุทธิอย่างถูกต้อง
หาวิธีลดหย่อนภาษี เมื่อรู้รายได้สุทธิของตนเองแล้ว ก็จะรู้ว่าจำนวนภาษีที่ต้องจ่าย หากไม่ต้องการจ่ายภาษีเต็มจำนวนควรมองหาวิธีลดหย่อนภาษี เช่น ประกันชีวิต การบริจาค การซื้อหนังสือ การลงทุน LTF หรือ RMF เป็นต้น
ยื่นภาษีให้ตรงเวลา ฟรีแลนซ์ต้องนำรายได้ที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายนั้นไปยื่นภาษีตามแบบ ภ.ง.ด.90 ในช่วง ม.ค.–มี.ค. ของปีถัดจากที่ได้รายได้นั้น หากละเลยไม่ยื่นตามกำหนดแล้ว นอกจากต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 1.5% ต่อเดือน นับตั้งแต่เดือน เม.ย. สำหรับ ภ.ง.ด.90 และนับตั้งแต่เดือน ต.ค. สำหรับ ภ.ง.ด.94 ยังมีเงินค่าปรับอีกไม่เกิน 2,000 บาทด้วย
เครือข่ายลูกค้า
ลูกค้าคือแหล่งรายได้เดียวของฟรีแลนซ์ ดังนั้นสิ่งแรกที่ควรจะมีก่อนเริ่มงานฟรีแลนซ์คือ ลูกค้าที่ยินดีใช้บริการฟรีแลนซ์และเต็มใจจ่ายค่าบริการ การสื่อสารจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับฟรีแลนซ์ ตั้งแต่ขั้นตอนการรับงาน เข้าใจเป้าหมาย วัตถุประสงค์ ข้อจำกัด รวมถึงข้อเสนอแนะเพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจได้เหมาะสม
ประกันสุขภาพ
หนังเรื่อง “ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ” เป็นบทเรียนตัวอย่างที่ดีสำหรับฟรีแลนซ์ การมีอิสระ ได้รับค่าตอบแทนสูงก็แลกมาด้วยการพักผ่อนไม่เพียงพอ โรคต่างๆ รุมเร้า ค่ารักษาพยาบาลที่ต้องจ่ายเอง เนื่องจากฟรีแลนซ์ส่วนใหญ่นั้นไม่มีสวัสดิการอะไรเลยในการรักษาพยาบาลเหมือนพนักงานประจำ ประกันสุขภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
บริหารเวลาอย่างเหมาะสม
สำหรับฟรีแลนซ์มีรูปแบบงานที่อิสระ ไม่มีเวลาเข้างาน-เลิกงาน ทำงานที่ไหนก็ได้ และจำนวนงานไม่นอน ก็อาจเป็นผลเสียได้ หมายความว่าหากทำงานไม่เสร็จก็อาจต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา การหักโหมทำงานหนักจะส่งผลผลกระทบต่อด้านอื่นๆ ของชีวิต ฟรีแลนซ์จึงควรควรจัดตารางชีวิตของตนเองให้เหมาะสม ทั้งเวลาทำงานและเวลาพักผ่อน
พร้อมพัฒนาทักษะใหม่ๆ อยู่เสมอ
ฟรีแลนซ์ที่ประสบความสำเร็จจะรู้จักพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพราะในปัจจุบันทักษะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ หากต้องการให้มีงานเข้ามาอย่างสม่ำเสมอก็ควรหาทักษะที่ตรงกับความต้องการของตลาด พิสูจน์ตัวเองให้ลูกค้าเห็นว่าตัวเองเหมาะกับงานที่ลูกค้าต้องการ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ว่าจ้างเห็นความสามารถก็จะเป็นเพิ่มมูลรายและรายได้ให้กับตัวเองอีกด้วย
cr: https://www.thumbsup.in.th/5-things-consider-become-freelance
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
6 สิ่งที่ต้องทำเมื่อริจะเป็นฟรีแลนซ์
Edutainment
02/07/2019
รับชมแล้วทั้งหมด 323928 คน
6 สิ่งที่ต้องทำเมื่อริจะเป็นฟรีแลนซ์
banner
เทรนด์การทำงานในยุคนี้ คือสวรรค์ของฟรีแลนซ์ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ไม่นิยมทำงานออฟฟิศ มีไลฟ์สไตล์ทำงานอยู่บ้าน หรือร้านกาแฟ ไม่ต้องตื่นเช้า ไม่ต้องเผชิญหน้ารถติด ไม่ต้องปวดหัวการจราจรในประเทศไทย และมีอิสระจะทำอะไรก็ได้เต็มที่
แต่ในข้อดีก็มีข้อเสียที่มองไม่เห็นอยู่เช่นกัน เพราะถ้าคุณเป็นคนที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ก็จะทำให้การทำงานนั้นไร้ประสิทธิภาพไปในทันที คุณจะทำงานไม่เสร็จตามเป้าหมาย ถ้ามัวแต่ปล่อยให้อารมณ์พาไป ขยันเมื่อไหร่ค่อยทำ รับรองว่าอดตายแน่นอน ดังนั้นถ้าอยากประสบความสำเร็จด้วยอาชีพ Freelance หรือการขายของออนไลน์ ทำงานอยู่บ้านได้รายได้ดีๆ ก็อย่าลืมจัดการตัวเองตามนี้ด้วยนะ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
1. วางแผนให้ลงตัวเหมาะกับไลฟ์สไตล์
อันดับแรกเลยต้องจัดการตารางชีวิตให้ดีที่สุดก่อน ทำเหมือนเรายังเป็นเด็กที่จะต้องมีตารางว่าวันไหน ตอนไหน ต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งตารางของเราจะดีหน่อยตรงที่มันมีอิสระเต็มที่ให้เราจัดการมันได้ด้วยตัวเอง ลองปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เช่น ถ้ารู้ว่าตัวเองชอบนอนดึก ตื่นสาย ก็จัดตารางให้ตัวเองได้นอนแบบเต็มที่ หรือใครชอบทำงานเช้าๆ แล้วว่างเยอะๆ ตอนเย็น ก็ลองปรับเปลี่ยนวางแผนกันดูได้เลย ค่อยๆ ปรับไปจนกว่าจะลงตัว
2. เรียงลำดับความสำคัญของงานทุกชิ้น
เพราะต่อไปนี้จะไม่มีใครมาคอยชี้นิ้วสั่งแล้วว่า เราจะต้องทำอะไรก่อนและหลัง ดังนั้นเราจะต้องจัดการตัวเอง ดูว่างานชิ้นไหนสำคัญกว่าและเร่งด่วน ก็ต้องทำงานชิ้นนั้นก่อน ส่วนงานชิ้นไหนยังไม่ได้เร่งเท่าไหร่ก็ไว้ทำทีหลัง เคล็ดลับสำคัญที่จะทำให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพทุกชิ้นก็คือ ให้ทำงานที่ยากที่สุดก่อนเป็นงานแรกของวันเสมอ เพราะคุณจะต้องใช้พลังกับมันเยอะมาก ต้องทำตอนที่สภาพร่างกายพร้อมที่สุด และงานเล็กๆ น้อยๆ ค่อยเอาไว้ทำตอนเย็น จึงจะทำให้งานเสร็จไว และได้ประสิทธิภาพครบทุกตัว
3. ตั้งเป้าหมายเอาไว้ให้ถึงที่สุด
ในแต่ละวันจะมาคอยแก้ปัญหาไปทีละจุดๆ ก็คงไม่ได้ เพราะการทำงาน Freelance หรือขายของออนไลน์มันเป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยความรับผิดชอบชัดเจน ดังนั้นต้องตั้งเป้าหมายไว้เลยว่าเราจะเดินทางไปยังไง ไปถึงจุดไหน ต้องทำอะไรเพื่อให้ไปถึงตรงนั้น พอมีเป้าหมายแล้วการเดินทางของเราก็จะง่าย และรู้ว่าต้องทำอะไรต่อไปในธุรกิจตรงหน้า
4. ทำงานให้หนักกว่าตอนเป็นลูกจ้าง
เพราะอาชีพ Freelance นั่นเท่ากับคุณเป็นนายตัวเอง หมายความว่าชีวิตคุณต้องรับผิดชอบเอง ซึ่งเราจะมาทำงาน 8 โมงเลิก 5 โมงไม่ได้อีกต่อไป ต้องขยันมากกว่านั้น ต้องทำงานหนักกว่านั้น เพราะยิ่งเราขยันเท่าไหร่ ยิ่งเข้าใกล้ความสำเร็จที่หวังไว้มากขึ้น และถึงแม้เราจะไม่อยากขยันก็คงจะไม่ได้ เพราะคู่แข่งของเราขยันขึ้นทุกวันๆ การแข่งขันที่รุนแรงจะบีบให้เราล้มเหลวแหละโดนกลืนหายไป ลูกค้าจะไม่เข้ามาใช้บริการจนต้องกลับไปหางานประจำทำในที่สุด
5. มีพื้นที่ทำงานของตัวเองโดยเฉพาะ
การทำงานที่บ้านคนส่วนใหญ่ชอบคิดว่าจะทำตรงไหนก็ได้เหมือนกัน ขอแค่ให้ได้งานก็พอ แต่เพราะสมองของมนุษย์เราจะสั่งการได้ดีกว่า และมีการโฟกัสมากกว่าเมื่อได้ทำงานในจุดที่เป็นพื้นที่ทำงาน และได้แต่งกายอย่างเหมาะสม หลายคนชอบใส่ชุดนอนทำงาน ตื่นปุ๊บทำงานปั๊บ ซึ่งสมองจะสั่งการว่าเรายังไม่พร้อม ทำให้การทำงานล่าช้า คิดอะไรไม่ออก และไม่ได้งานเท่ากับตื่นเช้ามาอาบน้ำ เปลี่ยนชุด และพาตัวเองไปนั่งในพื้นที่ทำงานที่จัดเตรียมเอาไว้
6. ใช้ความอิสระเป็นตัวกระตุ้นการทำงาน
เพราะอิสระในที่นี้จะทำให้เราไปไหนมาไหนก็ได้ จะเข้างานตอนไหน ออกงานตอนไหนก็ได้ ทำให้เรามีความสุขและมีวิถีชีวิตแบบที่ใจคิดได้มากกว่าทุกคน ดังนั้นอย่าลืมจัดเวลาว่างให้ตัวเอง เป็นการคืนความสุขเล็กๆ น้อยๆ เพื่อกระตุ้นให้มีไฟอยากจะทำงานในวันต่อไป เช่น อาจจะกำหนดเวลาทำงานเอาไว้ให้เลิกเร็วขึ้นอาทิตย์ละ 1 วัน เพื่อเป็นการใช้ช่วงเวลานี้ในการพักผ่อน เติมพลังให้ตัวเอง
สิ่งสำคัญการทำงาน Freelance ต้องอย่าลืมเรื่องของความรับผิดชอบต่องาน ซึ่งสำคัญมากที่สุดในวิถีการเป็น Freelance เพราะงานที่คุณทำจะเป็นสิ่งที่ให้คุณค่าในตัวคุณ ทำงานดี มีความรับผิดชอบใครๆ ก็อยากจ้าง จริงมั้ย
cr: https://www.bangkokbanksme.com/en/freelance
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
10 สิ่ง ที่คุณต้องตอบให้ได้ ก่อนตัดสินใจเป็น “ฟรีแลนซ์”
1. กรูเก่ง เรื่องอะไรวะ
คุณตอบตัวเองได้ไหมว่า ความเชี่ยวชาญของคุณคืออะไร ? ฟังแล้วเป็นคำถามที่ถามง่าย แต่อาจจะตอบยากสำหรับบางคน ข้อแรก ถือเป็นข้อสำคัญของอาชีพฟรีแลนซ์เลยก็ว่าได้ ถ้าคุณตอบตัวเองไม่ได้ว่าคุณเก่งในเรื่องไหน คนที่หาคำตอบเจอก่อนคุณ ก็ได้งานไปก่อน ผมแนะนำแบบนี้ว่า …ลองสำรวจตัวคุณเองง่ายๆ ค้นหาตัวเองให้เจอว่า ฉันเก่งอะไร อะไรที่ฉันเชี่ยวชาญ
ผมขอจำแนกประเภทของความเก่ง เพื่อให้คุณเห็นภาพง่ายๆดังนี้ (จริงๆมีมากกว่านี้)
1. เก่งคอม …งานอะไรก็ตาม ที่ต้องใช้คอมในการทำงาน แล้วมันทำให้คุณดูเป็นโปรเฟสชั่นนอลกว่าเพื่อนร่วมงาน ทำผลงานจนลูกค้ายกนิ้ว เจ้านายเอ่ยชม เพื่อนร่วมงานบอกเจ๋งโคตร …แบบนั้นผมเรียก …เก่งคอม แล้วเก่งคอมเป็นอะไรได้บ้าง
ตัวอย่างเช่น
ตัดต่อกราฟฟิก , ตัดต่อวิดีโอ , นายหน้าขายของออนไลน์ , ตัวแทนขายสินค้า Affiliate
ตัดต่อเพลง ทำเพลง , ทำคอร์สสอนออนไลน์ , ขายสินค้าผ่านเฟซบุ๊ก , ติวเตอร์ออนไลน์ผ่าน Skype
Beauty Youtube , ทำเว็บไซต์ – ติดตั้งเว็บไซต์ , ทำธีม WordPress , ทำสไลด์ Presentstion
เชี่ยวชาญโปรแกรม excel , นักพัฒนาแอพพลิเคชั่นมือถือ เป็นต้น
2. เก่งภาษา …งานอะไรก็ตาม ที่ต้องใช้ทักษะด้านภาษาเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อทำงานนั้นให้สำเร็จ ภาษาเป็นสิ่งที่ทำให้คุณโดดเด่น ดูสวยหล่อขึ้นมาทันทีถ้าคุณมีความเชี่ยวชาญ …แบบนั้น ผมเรียก …เก่งภาษา แล้วเก่งภาษาเป็นอะไรได้บ้าง
ตัวอย่างเช่น
เขียนบทความ , เขียนหนังสือ , เขียน EBook , รับแปลบทความ (อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น)
ล่าม แปลภาษา , ที่ปรึกษากฎหมาย (ภาษากฏหมาย) , Copywriter
พิธีกร , ครูสอนภาษาต่างประเทศ , นักพากย์ เป็นต้น
3. เก่งคน… งานอะไรก็ตาม ที่ต้องใช้ทักษะบริหารจัดการคน เข้ามาช่วยคุณในการทำงาน เวลาคุณได้ทำงานเกี่ยวกับคน ความรู้สึกของคุณมันบอกว่า เอาอยู่ ฉันทำได้ ฉันมืออาชีพ เวลางานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี คุณรู้สึกภูมิใจในตัวเอง ประดุจเหมือนยืนอยู่บนยอดเขาเอเวอร์เรส …แบบนั้น ผมเรียก …เก่งคน แล้วเก่งคนเป็นอะไรได้บ้าง
ตัวอย่างเช่น
นักการตลาด , นักขาย , เจ้าหน้าที่บริการลูกค้า , ผู้จัดอีเว้นท์
เจ้าหน้าที่จัดฝึกอบรม , วิทยากร , เทรนเนอร์ , นักพูด , โค้ช
เจ้าหน้าที่ดูแลผู้สูงวัย , ผู้เชี่ยวชาญปรับภาพลักษณ์ส่วนบุคคล
บอดี้การ์ด , นักสืบ , นักแสดง
4. เก่งงาน …ที่ผ่านมาก็เป็นงานทั้งหมด แล้วเก่งงานคืออะไร เก่งงานหมายถึง ความเชี่ยวชาญในงานของคุณแบบเฉพาะเจาะจง …เป็นงานที่คนอื่นเลียนแบบความเชี่ยวชาญไม่ได้ หรือ เป็นงานเฉพาะทาง แบบนั้น ผมเรียก …เก่งงาน แล้วเก่งงานเป็นอะไรได้บ้าง
ตัวอย่างเช่น
เภสัชกร , หมอ , พยาบาล , วิศวกร , สถาปนิก
นักวิทยาศาสตร์ นักกายภาพบำบัด , นักบิน
เชฟทำอาหาร , นักทำลายใต้น้ำ , เจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด เป็นต้น
ถ้าคุณอยากเป็นฟรีแลนซ์ ตอบคำถามได้ไหมว่า …ความเชี่ยวชาญของคุณคืออะไร
2. กองทุนสำรองเลี้ยงข้าว (Money Power Bank)
คุณตอบตัวเองได้ไหมว่า เงินทุนสำรองหลังจากลาออกมาเป็นฟรีแลนซ์มีเท่าไหร่ …อย่าบอกนะว่า ไม่ได้เตรียมไว้เลย อย่าบอกนะว่ามีหมื่นสองหมื่น …ถ้าคุณไม่อยากเป็นฟรีแลนซ์ไส้แห้ง ตัดสินใจลาออกเพราะอารมณ์ชั่ววูบ …ผมแนะนำ คุณต้องมีเงินสำรอง 6 เดือนขึ้นไป …นี่ผมเอาเรื่องจริงมาพูดเลยนะเนี่ย …บางคนบอก 3 เดือนได้ไหม ผมเก่ง ผมหาลูกค้าได้อยู่แล้ว 3 เดือนก็น่าจะรอด
ผมบอกได้เลยว่า อันตรายสุดๆ …ลองคิดดูว่า คุณมีเงินทุนสำรอง 3 เดือน เวลาคุณทำงานประจำเวลาผ่านไปช้ามาก 3 เดือน แต่หลังจากลาออกมาเป็นฟรีแลนซ์เวลา 3 เดือนของคุณจะไวแบบติดสปีดอินเตอร์เน็ท เดี๋ยวเช้าเดี๋ยวเย็นๆ …อ่าว !! หมดวันอีกแล้ว ยังทำงานไม่เสร็จเลย …ชีวิตฟรีแลนซ์เป็นแบบนั้น คุณควรมีเงินทุนสำรองไว้ใช้จ่ายอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป โดยที่คุณไม่เดือดร้อน
เพราะถ้าคุณเกิดป่วย รถเสีย คอมพัง บ้านไฟไหม้ เลิกกับแฟน ชีวิตคุณยังเดินต่อได้ …ถ้าคุณมีเงินสำรองจำกัด เงินหมด ท้องกิ่วหิวข้าว จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปคิดงาน จะเอาพลังสมองที่ไหนไปสร้างสรรค์ผลงานให้ออกมาดีได้ …จริงไหม
เริ่มจากคำนวณดูว่า ปรกติแล้วใน 1 เดือน คุณใช้จ่ายอะไรบ้าง…
เขียนลงสมุดบัญชี ทำเป็นรายรับ – รายจ่ายทุกวัน (ย้ำทุกวัน)
อะไรไม่จำเป็น อะไรฟุ่มเฟือย (ตัดทิ้ง อย่าเสียดาย)
ค่าใช้จ่ายที่ลดได้ (ค่าบันเทิง ค่าเสื้อผ้า) ค่าใช้จ่ายที่ลดไม่ได้ (ค่าผ่อนรถ ผ่อนบ้าน)
เขียนลงสมุดทุกครั้ง ถ้าไม่ถนัดจด ผมขอแนะนำ แอพพลิเคชั่น “Money Lover”
เป็นผู้ช่วยในการจดบันทึก รายรับ – รายจ่าย
รวมถึงสรุปเป็นกราฟให้คุณดูได้ทั้งหมดช่วงสิ้นเดือน
เมื่อคุณรู้รายรับรายจ่ายของคุณแล้ว วางแผนเก็บเงินสำรองให้ได้ 6 เดือน
หรือถ้าอยากสบายใจไร้กังวล คุณจะเก็บเงินสำรองให้ได้ 1 ปี ก็ไม่มีใครว่า (ถ้าทำได้)
คำนวณค่าใช้จ่าย / เดือน ให้ดี …ถ้าคุณลาออกมาเป็นฟรีแลนซ์เต็มตัวจะรอดหรือไม่
3. แม่ไม่เข้าใจฟรีแลนซ์
คุณตอบตัวเองได้ไหมว่า คุณจะบอกคนในครอบครัวคุณเมื่อไหร่ ผมแนะนำควรบอกให้คนในครอบครัวของคุณรับทราบ และเข้าใจก่อนว่า …งานที่คุณกำลังทำ หรือกำลังจะไปทำในอนาคตอันใกล้นี้ คืองานอะไร …เพราะคนในครอบครัว พ่อ แม่ พี่ ป้า น้า อา บางคนไม่เข้าใจ …ด้วยความหวังดี เป็นห่วงเป็นใย กลัวคุณจะออกมาตายน้ำตื้น เขาจะพูดว่า อย่าลาออกมาเลย ทำงานประจำดีแล้ว มีเงินเดือนกินทุกเดือนสบายใจกว่า …บางครอบครัวไม่เข้าใจแม้กระทั่งคำว่า …ฟรีแลนซ์
อะไรคือฟรีแลนซ์ ฟรีแลนซ์ทำอะไร ถ้าตอบว่างานอิสระ งานอิสระคือว่างงานหรอ ไปกันใหญ่ …ผมเคยเจอเพื่อนทำฟรีแลนซ์ …ครอบครัวเขาไม่เข้าใจ อันนี้หนักเลย …เวลาพ่อแม่ไปเจอเพื่อนบ้าน เพื่อนที่ทำงาน เขามักจะถามกันว่าลูกทำงานอะไร …ถ้าพ่อแม่ไม่เข้าใจบอกว่า …ลูกตกงาน ลูกออกจากงาน ลูกหางานทำอยู่ …ยิ่งทำให้คุณท้อแท้ หมดไฟได้ง่ายๆ ถ้าช่วงนั้นคุณไม่มีลูกค้า หรือ โดนรุ่นน้องตัดหน้างานคุณไป
บอกครอบครัวคุณให้เข้าใจว่า คุณกำลังทำอะไร งานของคุณคืออะไร รายได้มาจากไหน และคุณจะต่อยอดงานของคุณอย่างไร ผมเชื่อครับว่า ถ้าครอบครัวเข้าใจคุณแล้ว พวกเขาจะเป็นพลังผลักดันให้คุณสร้างฝันให้สำเร็จได้เป็นอย่างดี …อย่าลืมทำข้อ 2 ก่อนนะครับ เพราะถ้าคุณไม่มีเงินสำรอง …ลาออกมาแล้วไม่มีงาน ยังมาแบมือขอเงินที่บ้านใช้ …จากฟรีแลนซ์ จะกลายเป็น ซวยแลนซ์กรู ทันที…
“ จริงจังแค่ไหน แค่ไหนเรียกจริงจัง ลาออกตั้งกี่ครั้ง ถึงเก้าซะที่ไหน
หัวใจดวงนี้ …หมดทั้งหัวใจ เป็นฟรีแลนซ์ไง โอ๊ย…โอ๊ย…”
4. เงินอยู่กับลูกค้า (งานดีนะเรา)
ที่ใดมีลูกค้า ที่นั่นมีเงิน …คุณตอบตัวเองได้ไหมว่า …ลูกค้าของคุณคือใคร …ถ้าคิดจะออกมาเป็นฟรีแลนซ์ลุยเดี่ยวก็รวยได้แบบในหนัง …คุณต้องเจ๋งขั้นเทพ แต่ถ้าคุณเทพแล้วไม่มีใครในวงการรู้จัก ลูกค้าก็ไม่รู้ว่าคุณเก่งขนาดไหน มีผลงานอะไรเป็นซิกเนเจอร์ แบบนั้นยังไม่ใช่เทพ เป็นแค่เทวดา …ผมแนะนำว่าคุณควรหาลูกค้าตั้งแต่ยังทำงานประจำ เพราะการทำงานประจำเป็นการสร้างประสบการณ์และฐานลูกค้าได้ดีที่สุด …คุณลองนึกภาพตามนะครับ
นาย A ทำงานประจำไปด้วย ทำงานฟรีแลนซ์ไปด้วย โดยอาศัยคอนเน็คชั่นของบริษัทแบบนี้เรียกได้ “สองเด้ง” ทั้งรายได้หลักและรายได้เสริม …นาย B มั่นใจตัวเองโคตรๆ เก่งขั้นเทพ ผลงานโชว์ระดับประเทศแต่ไม่เคยสร้างคอนเน็คชั่น ไม่เคยออกงานสังคม ไม่เคยพบปะพูดคุยผู้ใหญ่ในวงการ …วันดีคืนดี ลาออกมาเป็นฟรีแลนซ์เต็มตัว พร้อมกับลูกค้าติดไม้ติดมือมานิดหน่อย ทำงานไปได้ 3 เดือน 6 เดือนลูกค้าหมด ไม่มีงานให้ทำ เกิดอะไรขึ้น …ตายยังเขียดสิครับ … งานไม่มี เงินก็ไม่มา
แถมถ้าคุณมาล้มป่วย เป็นไข้เลือดออก ร่างกายอ่อนแรง เป็นโรคที่รักษานานเป็นเดือน แบบนี้ยิ่งจิตตก …ทางแก้คือ เริ่มสร้างฐานลูกค้าตั้งแต่วันนี้ ทำงานด้วยหัวใจฟรีแลนซ์มืออาชีพ ในขณะที่คุณยังทำงานประจำ …ผมไม่ได้บอกว่า ถ้าคุณจะเป็นฟรีแลนซ์ต้องลาออกมาทำเต็มตัว
ฟรีแลนซ์เป็นอาชีพ ไม่ใช่กฎหมาย ที่คุณต้องลาออกสถานเดียว คุณสามารถเป็นฟรีแลนซ์ในร่างมนุษย์เงินเดือนได้ …ถ้ารู้สึกว่าที่ตรงนั้นมัน OK สำหรับคุณ และคุณก็ยังมีเพื่อน มีผลงาน มีเจ้านายที่ให้คำปรึกษาได้ตลอดเวลา เลือกให้เหมาะสมกับคุณดีที่สุด ทักษะการนำเสนองาน การปิดดีลลูกค้า ความรับผิดชอบ ฝึกไว้นะครับ …เพราะถ้าคุณเป็นฟรีแลนซ์เมื่อไหร่ คุณจำเป็นต้องใช้แน่นอน…
ฟรีแลนซ์ IDOL ต้นแบบความสำเร็จของคุณคือใคร
ศึกษางานเขา เรียนรู้จากเขา เสนอตัวช่วยงานเขาไปเลย
5. คู่แข่งคุณคือใคร (ไอ้เจิด)
คุณตอบตัวเองได้ไหมว่า …คู่แข่งคุณคือใคร วงการฟรีแลนซ์มียอดฝีมือหลายคนกระโดดเข้ามาโลดแล่นในวงการ บางคนแสดงตัวบ้าง บางคนทำเงินเงียบๆไม่เปิดเผยตัว …คุณต้องรู้ว่าคู่แข่งของคุณคือใคร มีจุดเด่นตรงไหน ทำไมคู่แข่งถึงได้งานมากกว่าคุณ หรือ ได้งานตัดหน้าคุณไปต่อหน้าต่อตา …ถ้าเป็นแบบนั้น คุณต้องสำรวจตัวเองแล้วว่า
คุณต้องพัฒนาฝีมือในด้านใด คู่แข่งทำงานเร็ว ส่งงานไว คุณต้องทำงานให้เร็ว ปิดงานให้ทันกำหนดเวลา คู่แข่งมีประสบการณ์มากกว่า คุณต้องสะสมประสบการณ์ให้มากขึ้น อ่านหนังสือ ปรึกษารุ่นพี่ในวงการ ขอแนะนำเพิ่มเติม ฝึกฝนเรียนรู้ เข้าคอร์สสัมมนา พัฒนาตัวเองไม่หยุด …หันกลับมาดู แท้จริงแล้ว คู่แข่งคุณไม่ใช่ใคร แต่คือตัวคุณเองที่พัฒนางานให้สูงกว่ามาตรฐานเดิม หรือรักษามาตรฐานของมืออาชีพได้หรือไม่
เพราะฟรีแลนซ์ไม่มีเงินเดือนประจำ วัดกันที่ฝีมือ ผลงาน กรอบเวลาที่กำหนด และความพึงพอใจของลูกค้า เมื่อไหร่ที่คุณทำงานไม่ได้ ผลงานออกมาไม่ได้มาตรฐาน รายได้คุณหยุดทันที …ไม่มี Passive Income มีแต่โดนถีบหัวคะมำจมโคลน
5 วิธี ฉายสปอร์ตไลท์ตัวเองให้มีงานตลอดทั้งปี
1. สร้างแบรนด์ให้ชัด
คุณต้องสร้างแบรนด์ให้ลูกค้าจดจำคุณได้ คุณคือใคร ขายอะไร แบรนด์คุณเป็นใคร
ตัวอย่างเช่น
ถ้าคุณเป็นลูกค้าคุณจะจ้างใครระหว่าง
นาย XXX รับเขียนบทความราคาถูก
คุณ B นักคิด นักเขียน ผลงานหนังสือ Bestseller ระดับประเทศ
ถ้าคุณเป็นลูกค้าคุณจะจ้างใครระหว่าง
น้อง AAA ตัดต่อกราฟฟิก ราคากันเอง
น้อง D กราฟฟิกมืออาชีพ การันตีผลงานแบรนด์ชั้นนำ NIKE , SONY , ADIDAS
2. เปลี่ยนหน้าเฟซ ให้เป็นเงิน
ไม่มีใครชอบคนที่เอาแต่บ่น เบื่อ เซ็งชีวิตตลอดเวลา ถ้าคุณอยากเป็นฟรีแลนซ์ที่มีงานตลอดทั้งปี
ให้ทำดังนี้
โพสต์เฟซทุกครั้ง ต้องบ่งบอกตัวตนของคุณชัดเจน
โพสต์เกี่ยวกับงานที่คุณทำ เขียนให้ชัด เอาให้โดน
คุณทำงานอะไร ให้บริการด้านไหน ขายอะไร
ให้ความรู้ ให้ประโยชน์ ให้ก่อนเป็นผู้รับ
เขียนชนิดที่ว่า คนอ่านอดใจไม่ไหวต้องแชร์
เมื่อคุณให้คุณค่าในเวลาที่เหมาะสม
ลูกค้าจะนึกถึงใครไปไม่ได้ นอกจากคุณคนเดียวเท่านั้น
3. ช่องทางติดต่อให้ครบ
ถ้าคุณอยากซื้อสินค้ากับพ่อค้าแม่ค้า แต่หาจนทั่วแล้วไม่มีเบอร์ติดต่อ ไม่มี LINE ไม่มีอีเมล์ ทัก Inbox ไปก็ไม่เคยเปิดดู …ไม่แปลกถ้าคุณไม่มีงาน ไม่มีลูกค้า ไม่มีตัวตน คุณควร…
ใส่ช่องทางติดต่อให้ชัดเจน เห็นง่าย ติดต่อได้สะดวก
เบอร์โทร อีเมล์ LINE ใส่ไว้ตรง Timeline Cover ได้เลย
ถ้าเป็นไปได้ ควรทำเว็บไซต์ ดึงลูกค้าออกจากเฟซบุ๊ก
เพราะถ้าวันนึง ไม่มีเฟซบุ๊ก คุณก็ยังมีเว็บไซต์ มีผลงาน มีฐานลูกค้าในมือ
4. คุยให้เคลียร์ ปิดงานให้ได้
ความพึงพอใจของลูกค้า คือ ที่สุดของฟรีแลนซ์
ทุกครั้งที่รับงาน คุยกับลูกค้าให้เคลียร์ว่า ลูกค้าต้องการแบบไหน
ถ้าเป็นงานกราฟฟิก อยากได้ประมาณไหน แบบไหน สีอะไร อารมณ์ไหน
ถ้าเป็นงานเขียน อยากได้แนว How-to , จิตวิทยา , เรื่องเล่าคนสำเร็จ , คำคม
กำหนดเวลาเสร็จงานให้ชัดเจน ไม่ช้าไป ไม่เร็วไป ให้งานออกมาดีที่สุด
ดูความสามารถ และงานที่รับไว้ในมือ ไม่ควรแน่นมากเกินไปจนทำไม่ทัน
เพราะถ้าคุณรับหมด เอาไว้ก่อน สุดท้ายงานออกมาไม่มีคุณภาพ
ทำให้คุณเสียชื่อ เสียงาน เสียลูกค้า และโอกาสที่แก้ตัวในครั้งที่สองอาจไม่มี
5. โชว์ผลงานของคุณ
คนเก่งต้องโชว์ มีดีต้องแจ้งเกิด ยุคนี้มีเวทีแสดงความสามารถมากมายหลายเวที …ถ้าคุณคิดจะเป็นฟรีแลนซ์ ที่ประสบความสำเร็จของยุคนี้ เก่งอะไร มีผลงานอะไรต้องโชว์มันออกมา
นักคิด นักเขียน โชว์บทความ โชว์ผลงานหนังสือ Bestseller
นักพูด วิทยากร เทรนเนอร์ โชว์ผลงานอบรมตามงาน ตามบริษัทต่างๆ
นักธุรกิจ Infopreneur โชว์ผลงาน Audio Book , eBook , งานสัมมนา , โปรเจ็คใหม่
6. คอนเน็คชั่นฟรี (แลนซ์)
คุณตอบตัวเองได้ไหมว่า… คอนเน็คชั่นของคุณคือใครบ้าง ตราบใดที่คุณยังทำงานประจำ คุณจะมีคอนเน็คชั่น เพื่อน เจ้านาย ลูกค้า อยู่เสมอ แต่วันใดที่คุณตัดสินใจลาออก …คอนเน็คชั่นหายทันที !! วัฒนธรรมการทำงานเป็นแบบนั้น เขาจะทักทายจะไหว้คุณก็ต่อเมื่อ คุณมีตำแหน่งในบริษัท …แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณ “ลาออก” มันเหมือนคุณลาออกจากชีวิตของพวกเขาด้วย …ไม่มีการทักทาย ไม่มีการไหว้ เจ้านายบางคนไม่พูดคุยกันแบบสนิทใจเหมือนก่อน แบบนี้แหละ …ที่ผมเรียกว่า …ตายไปต่อหน้าต่อตาทั้งที่ยังหายใจ ถ้าพูดให้เข้าใจแบบง่ายๆก็คือ…
ถ้าคุณลาออก มันแปลว่า คุณหมดอำนาจ บารมี หมดประโยชน์ในสังคมของเขา เพราะฉะนั้นเขาจะสนใจคุณหรือไม่ มันก็ไม่มีผลต่อชีวิตของเขาอีกต่อไป แต่ถ้าคุณโชคดี เพื่อนบางคน หัวหน้าบางคนยังทักทายชวนไปกินเหล้า เข้าสังคมเหมือนเดิมอันนี้ถือว่าคุณโชคดีมาก …ผมอดสงสัยไม่ได้แล้วสิว่า ถ้าคุณโชคดีขนาดนั้น คุณจะลาออกมาเป็นฟรีแลนซ์ทำไม…
ประเด็นคอนเน็คชั่น ผมอยากให้คุณมองว่า …ถ้าวันนี้คุณเลือกที่จะทำงานกับบริษัท คุณจะสามารถใช้คอนเน็คชั่นทางใดได้บ้าง …แล้วคอนเน็คชั่นนั้นจะต่อยอดงานฟรีแลนซ์ในอนาคตของคุณได้อย่างไร (ถามตัวเอง และตอบตัวเองให้ได้) ถ้าคุณทำงานประจำ คุณมีคอนเน็คชั่นทุกแผนก อยู่ที่คุณเลือกที่จะสร้างความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายการตลาด ฝ่ายปฎิบัติการ ฝ่ายสนับสนุน ฝ่ายไอที ฝ่ายฝึกอบรมบุคลากร ฝ่ายจัดซื้อ …ลองคิดดูว่า คอนเน็คชั่นนั้น …จะสร้างเงิน สร้างงานให้กับคุณได้อย่างไร
ตัวอย่างเช่น วิทยากรฟรีแลนซ์
ถ้าคุณเลือกที่จะทำงานประจำในบริษัท และรับงานฟรีแลนซ์เป็นอาชีพเสริม คุณสามารถรับงานวิทยากรในวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ ของบริษัทได้ ส่วนวันทำงานปกติ คุณใช้คอนเน็คชั่นจากฝ่ายบุคลากร HR เข้าไปพูดคุยตีสนิทเป็นเพื่อนเป็นพี่ในบริษัทและถามเขาว่า
พอจะมีโอกาสให้คุณได้แสดงฝีมือหรือไม่ ถ้ามีจังหวะเหมาะสม คุณก็สามารถเริ่มต้นเป็นฟรีแลนซ์ในบริษัทของคุณได้ไม่ยาก อยู่ที่ว่าคุณกล้าพอที่จะเดินเข้าไปพูดคุยกับหัวหน้าฝ่ายหรือไม่ ถ้าไม่กล้าลองถามจากรุ่นพี่ รุ่นน้องในฝ่ายนั้นก่อน จากนั้นเมื่อคุณเก็บชั่วโมงบินและประสบการณ์มากพอ คุณก็สามารถนำเสนองานกับลูกค้าได้ เพราะคุณจะมีทั้ง Portfolio และมีประสบการณ์แบบมืออาชีพ
นกไม่มีขน คนไม่มีทีม
บินสูงไม่ได้ สำเร็จยิ่งใหญ่ไม่เกิด
7. อึด ถึก ทน คนไม่ใช่คูโบต้า
คุณตอบตัวเองได้ไหมว่า คุณอึด ถึก ทนแค่ไหน …อาชีพฟรีแลนซ์ คือ อาชีพของมืออาชีพ ไม่ใช่อาชีพที่สุขสบาย ไก่กาอาราเล่ ทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ เพราะคุณไม่มีเงินเดือนประจำ ไม่มีเจ้านาย ตัวคุณเองต้องมีความรับผิดชอบสูงยิ่งกว่าต้นตาล เมื่อไหร่ที่ตกปากรับงานลูกค้ามาแล้ว คุณต้องทำให้ดีที่สุด ทำให้เสร็จ ทำให้เร็ว ทำให้ทันเวลา เพราะเวลาของลูกค้าเป็นเงินเป็นทอง ต่างกับคนที่ทำงานประจำ
บางคนทำงานเหมือนราชการ เช้าชามเย็นชาม เพราะถือว่าทำงานมานาน เป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ไม่มีทางเด้งง่ายๆ แต่ใครจะรู้ ความชะล่าใจ อาจเป็นหุบเหวแห่งหายนะ ถ้าคุณไม่ฝึกฝีมือ สร้างเงิน สร้างรายได้ทางที่สองตั้งแต่วันนี้ วันใดที่คุณโดนฟ้าผ่า …เปรี้ยง !! กะทันหันด้วยคำว่า …พรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานแล้วนะ มีคนที่เก่งกว่าคุณเขาจะมาทำงานแทนตำแหน่งคุณนะ งานที่ผมสั่งคุณไว้ทั้งหมดขอเบรคก่อนนะ
หรือโดนเจ้านายเรียกเข้าห้องเย็น …คำพูดเหล่านี้เป็นสัญญาณบ่งบอกให้คุณรู้ว่า อาจมีใครบางคนมาทำงานแทนคุณเร็วๆนี้ หรือผลงานคุณมันแย่ มันไม่ได้เรื่อง มันต่ำกว่ามาตรฐาน ถ้าคุณไม่เปลี่ยนนิสัย คงต้องเปลี่ยนคนใหม่มาทำงานแทนคุณ อึด ถึก ทน สำหรับฟรีแลนซ์
ผมไม่ได้หมายถึงอย่างอื่น แต่หมายถึงการทำงานคุณภาพเป็นระยะเวลานาน คุณอาจไม่ได้ไปเที่ยวช่วงสงกรานต์ ไม่ได้หยุดเสาร์อาทิตย์ ไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคมเหมือนตอนทำงานประจำ คุณต้องทำงานคนเดียว คิดคนเดียว ดูหนังคนเดียว มีงานเป็นเพื่อน มีงานเป็นแฟน แต่มันก็คุ้มสำหรับบางคนที่ได้รู้ว่า ที่คุณทำงาน อดหลับอดนอน ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ทุกวันนี้ …เพื่อใคร
บริษัท ขาดคุณไป เค้าก็หาคนใหม่มาแทนคุณได้
แต่ถ้าคุณตายไป ครอบครัว จะหาใครมาแทนคุณ
8. อย่าเปลี่ยนเลย …อยากเจอ
คุณตอบตัวเองได้ไหมว่า คุณดูแลสุขภาพตัวเองอย่างไร สุขภาพร่างกายสำคัญที่สุด …จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว ใช้ในกรณีร่างกายปกติ ไม่เข้าขั้นโคม่า …ถ้าเมื่อไหร่ร่างกายโคม่า สมองจะสั่งให้ร่างกายปิดสวิตช์ Shut Down ทันทีเพื่อพักผ่อน
อาการคือ หลับเป็นตาย แบ่งเวลารักษาสุขภาพ ฟรีแลนซ์ไม่ได้ตายเพราะงาน ตายเพราะไม่รักตัวเอง อย่าลืมนะครับ ฟรีแลนซ์ไม่มีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ประกันกลุ่มเหมือนพนักงานประจำ ทุกอย่างคุณต้องจ่ายเองทั้งหมด คุณวางแผนลดค่าใช้ยามเจ็บป่วยอย่างไร (ลองศึกษารายละเอียดประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ เงินชดเชยการทำงาน เตรียมแผนสำรองเพื่ออนาคตไว้เลย)
3 เทคนิค เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของฟรีแลนซ์ (ใช้ได้ทุกอาชีพ)
1. พลังนอนเร็ว …เพิ่มพลังประสิทธิภาพงาน
คนทั่วไป หรือ ฟรีแลนซ์ เข้าใจผิด คิดว่านอนดึกสิดี …มันเงียบ มันสงบ สมองแล่น ทำงานยันเช้าไม่เห็นไปไร จะแหกกฎการนอนให้ดู ความเป็นจริงคือ ถ้าคุณอดนอนติดต่อกันหลายวัน เป็นสัปดาห์ เป็นเดือน …จากการวิจัยพบว่า ประสิทธิภาพในการทำงานต่ำกว่า คนนอนพักผ่อนอย่างเพียงพอ ความเป็นจริงร่างกายคนเราต้องการ การพักผ่อนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง …ถามจริงๆ ตอบด้วยความสัตย์จริง ห้ามโกหก ทุกวันนี้ …คุณนอนวันละกี่ชั่วโมง …คุณนอน 8 ชั่วโมงครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ หรือ ได้นอนพักเต็มอิ่ม หลับเต็มตื่นสัปดาห์ละกี่ชั่วโมง
สิ่งที่ฟรีแลนซ์คิด …คนเราไม่จำเป็นต้องนอน 8 ชั่วโมง จะนอนทำไม เสียเวลา !! …เอาเวลาไปปั่นงานส่งลูกค้าดีกว่า …นั่นเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ผมไม่เถียงถ้าคุณเป็นฟรีแลนซ์วัยรุ่น เฟรชชี่ …กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ระบบเผาพลาญดี อดหลับอดนอน หลายวันก็ทำงานได้ ไม่เห็นเป็นไร …แต่จุดเปลี่ยนอยู่ที่ …เมื่อคุณขึ้นหลัก 3 เข้าหลัก 4 ร่างกายพัง เพราะอัดเหล้ายา กาแฟ กระทิงแดง มาม่า ไวไว อาหาร 7-11 ปั่นงานยังกับหนูปั่นไฟ กลัวทั้งเมืองไม่มีไฟฟ้าใช้กัน…
สรุป เอาเทคนิคนี้ไปใช้ นอนเร็ว 1 ชั่วโมง ประสิทธิภาพเพิ่ม 1 ชั่วโมง สมองคุณจะดีขึ้น ไอเดียบรรเจิด ความคิดลื่นปรื๊ด ยิ่งกว่าปลาไหล ผลงานแจ่มแจ๋วมะพร้าวแก้วน้ำตาลหวานแน่นอน
2. โปรแกรมวันใหม่ ด้วยการคิดบวก
เคยไหม …นาฬิกาปลุก กดนาฬิกาขอนอนต่อ อีก 5 นาทีนะ (เศร้าซึม) …นอนไปนอนมา สะดุ้งตื่น เฮ้ย !! สายแล้วกรู รีบตาลีตาเหลือก วิ่งวุ่นไปทำงาน …สุดท้ายสายเหมือนเดิม (จบข่าว)โปรแกรมสมองใหม่ …ยิ้ม ใช่ ยิ้มก่อนเลย เริ่มต้นอารมณ์ด้วยความรู้สึกโชคดี วันนั้นทั้งวันผมรับรองเลยว่า คุณจะโชคดีทั้งวัน เจอลูกค้าดี เจ้านายชม งานผ่านฉลุย …เคยไหม ตื่นมา ไม่อยากไปทำงานเลย
ง่วงเหงาหาวนอน …ไม่มีแรงลุกไปทำงาน เบื่อ ท้อ เซ็งชีวิต บ่น ทำไมชีวิตต้องเป็นแบบนี้ แฟนก็ไม่เข้าใจ …วันนั้นทั้งวันคุณจะเจอแต่เรื่องลบๆตลอดทั้งวันแน่นอน …รถติด ลืมเอกสาร กระเป๋าตังค์หาย ตกบันได น้ำหกเสื้อ โดนเจ้านายว่า ลูกค้าหัวหมอ สารพัดเรื่องลบ รัวกระสุนไม่ขาดสาย ….ผลมาจากเริ่มต้นอารมณ์ด้วยความคิดลบ ดึงดูดแต่เรื่องลบ …
สรุป ทุกวันที่คุณตื่นนอน ให้เริ่มต้นอารมณ์ของเช้าวันใหม่แห่งความโชคดีด้วยการ ยิ้ม …ยิ้มกว้างๆเลย …ล้างหน้า ส่องกระจก แปรงฟัน บอกตัวเองว่า วันนี้ฉันจะได้เจอเรื่องโชคดีแน่นอน !!
3. ออกกำลังกาย 20 นาที เพิ่มพลัง Active 120 เท่า ตลอดทั้งวัน
ออกกำลังกายทุกเช้า วันละ 20 นาทีเป็นอย่างน้อย จะทำให้คุณสดชื่น กระฉับกระเฉงตลอดทั้งวัน …อย่าเชื่อผม คุณต้องพิสูจน์ด้วยตนเอง …กากบาทที่ปฏิทิน พรุ่งนี้คุณจะออกกำลังกายตอนเช้าให้ได้ 20 นาทีขึ้นไป …หลังจากออกกำลังกายเสร็จ คุณจะพบ ความสดชื่น สบายตัว อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน …ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ดื่มน้ำสะอาด อาบน้ำให้ร่างกายสดชื่น …รับรองเลยว่า
พลัง Active สิงสถิตในตัวคุณแล้ว คุณจะทำงานเมามันส์ สนุกกับงานทั้งวันเช้ายันเย็น พลังมหาศาล …ถ้าคุณคิดไม่ออกว่าจะออกกำลังกายอะไรดี …ผมแนะนำ 1. วิ่ง 2.กระโดดเชือก 3.ฟิตเนส (ตามสะดวกเลยครับ จัดไป 20 นาที) จากการวิจัยพบว่า คนที่ไม่ได้ออกกำลังกายเลย …ประเภทเช้าตอกบัตร เย็นกลับบ้าน หัวถึงหมอนหลับเป็นตาย ประสิทธิภาพในการทำงานจะต่ำกว่า คนออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคิดสร้างสรรค์ ไอเดีย ความจำ
สรุป นอนให้เร็ว ตื่นให้ไว ออกกำลังกายทุกเช้า อย่างน้อย 20 นาที เพิ่มพลัง Active ตลอดทั้งวันจัดไป
ฟรีแลนซ์ ไม่ใช่ ทำงานฟรี (อีก) แลนซ์
9.หนี้สินต้องเคลียร์
คุณตอบตัวเองได้ไหมว่า …คุณจะเคลียร์หนี้สินให้หมดได้ยังไง …ใครปลอดหนี้ข้ามข้อนี้ไปได้เลย …ยินดีด้วยครับ คุณไม่เป็นภาระของลูกหลาน …แต่ถ้าใครยังมีหนี้สินหลักแสน บางคนหลายแสน แล้วคิดจะลาออกมาเป็นฟรีแลนซ์ …หยุดก่อน ช้าก่อน คุณกำลังจะผูกคอตาย ตกคอนโด โดนถีบลงบ่อจระเข้ …คิดจะเป็นฟรีแลนซ์เต็มตัว เคลียร์หนี้ให้หมด หรือเหลือน้อยที่สุด …คุณจะได้รับงานลูกค้าอย่างสบายใจ ไม่ดึงหน้าดึงหลัง …สมาธิแตกกระจายกันพอดี ไม่มีกระจิตกระใจทำงาน เจ้าหนี้โทรจิกเช้าจิกเย็น วิธีแก้คือ…
เขียนลงบนกระดาษ จดใส่สมุดหนี้สินทั้งหมดที่คุณมี
เรียงลำดับ หนี้สิน จากยอดน้อยไปหามาก
เรียงลำดับจากดอกเบี้ยถูก ไล่ไปหาดอกเบี้ยแพง
พิจารณาปิดบัญชีก่อนกำหนด เจรจาส่วนลด (ถ้ามี)
ตัดได้ตัด ปิดได้ปิด เอาให้จบคุณจะได้เป็นอิสระ
คำนวณดูว่า ตัดตัวไหนก่อนดีที่สุด ไล่ไปอันดับ 2 อันดับ 3
วางแผนปิดหนี้ทั้งหมด เพื่ออนาคตครอบครัว
เชื่อผมเถอะ ท้องอิ่ม กับ ท้องร้อง ผลการทำงานต่างกันเยอะ
ปิดหนี้หมดเมื่อไหร่ บอกตัวเองทุกครั้งว่า “จะไม่เอาเงินอนาคตมาใช้ถ้าไม่ใช่การลงทุน”
ถ้าคิดจะเป็นฟรีแลนซ์ …คุณต้องไม่มีหนี้ดีที่สุด
ปลดหนี้ได้เมื่อไหร่ เริ่มแผนออมเงิน 6 เดือน 1 ปี ได้เลย
“ อยากทำงาน (ฟรีแลนซ์) นอกระบบ
เคลียร์หนี้สิน ในระบบ ก่อนดีไหม ”
10.เวลาของคุณราคาเท่าไหร่
คุณตอบตัวเองได้ไหมว่า …เวลาของคุณราคาเท่าไหร่ ถ้าคุณจะทำอาชีพฟรีแลนซ์ …ควรตอบตัวเองให้ได้ว่า …นอกจากฝีมือโคตรเจ๋ง ผลงานแจ๋วแล้ว เวลาของลูกค้าเป็นเงินเป็นทอง เวลาของคุณราคาเท่าไหร่ …มันคุ้มค่าไหมที่ลูกค้าจะซื้อ ลูกค้าซื้อผลงานของคุณ แต่ลึกๆแล้วเขาซื้อเวลาของคุณไปด้วย …เพราะคุณต้องทำงานแข่งกับเวลา มันขึ้นอยู่กับว่า คุณบริหารเวลาเก่งแค่ไหน ถ้าบริหารเวลาเป็น จัดเวลาได้ คุณจะผลิตผลงานออกมาได้สอดคล้องกับเวลา
ออกเร็ว ผลงานห่วย ขายไม่ได้ ลูกค้าไม่ซื้อซ้ำ
ออกช้า ใช้เวลานาน รอไม่ไหว ลูกค้าใช้บริการเจ้าอื่น
บริหารเวลาดี ผลงานเยี่ยม ลูกค้าบอกต่อปากต่อปาก โอกาสได้งานต่อเนื่องมีสูง
ตัวอย่างเช่น
พรีเซ็นต์เทชั่นงานแต่งงาน จะเอาวันศุกร์นี้ ด่วน !! อยากได้แบบฟรุ้งฟริ้ง แอนนิเมชั่นน่ารักๆ
ตัดต่อกราฟฟิค งานแสดงสินค้าระดับประเทศ ให้เวลา 1 อาทิตย์ 30 รูป
งาน Audio Book วางจำหน่ายก่อนคู่แข่ง ให้เวลา 2 วัน รันโฆษณาได้เลย
งานปิดต้นฉบับนิตยสาร ให้เร็ว ให้ไว ปิดต้นฉบับเย็นนี้นะ ฝีมือตกไปเยอะนะเรา
งานถ่ายภาพรับปริญญา รูปหนูได้รึยังคะพี่ เดือนนึงแล้วนะ ยังไม่เสร็จอีกหรอ !!
เป็นอย่างไรบ้าง คุณตอบตัวเองได้ไหม …หาคำตอบได้ครบทุกข้อหรือเปล่า …เพื่อนผมหลายคน อยากเป็นฟรีแลนซ์ เห็นฟรีแลนซ์อิสระ มีเวลาว่าง ไม่มีเจ้านาย ไม่ต้องตอกบัตร ไม่ต้องตื่นเช้า แถมนั่งชิลในร้านกาแฟได้ด้วย …หนังสือชวนลาออกวางขายเต็มแผง อยากลาออก เบื่อเจ้านาย เบื่องาน อยากออกมาทำฟรีแลนซ์ …แต่เขาไม่รู้ว่า เบื้องหลังฟรีแลนซ์เจออะไรบ้าง
ผมยังยืนยันคำเดิมว่า …ฟรีแลนซ์ คือ มืออาชีพเฉพาะด้าน ไม่ใช่คนว่างงาน นั่งอ่านหนังสือ เดินเที่ยวเล่นไปวันๆ ถ้าคุณเห็นฟรีแลนซ์ตามที่ต่างๆ เขาอาจจะกำลังทำงานอยู่ หรือให้รางวัลตัวเองด้วยการพักผ่อน …ว่าแต่ คุณเตรียมคำตอบไว้รึยัง ถ้ามีคนถามคุณว่า…
cr: https://www.leaderwings.co/marketing/10-question-freelance/
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อย่างที่เคยบอกไปคือ ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ฟรีแลนซ์ก็เช่นกันที่เปรียบดังการลงทุนทางธุรกิจอย่างหนึ่งที่มีมากกว่าการทำงานให้เสร็จเป็นจ๊อบๆ ไป วันนี้จขกท. มีเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับอาชีพนี้มาบอกเล่าให้แก่คนที่อยากเป็นฟรีแลนซ์แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี
1. มีทักษะ ความสามารถที่เชี่ยวชาญเป็นพิเศษมากน้อยแค่ไหน
ข้อนี้สำคัญสำหรับจุดเริ่มต้นของคนที่คิดจะเป็นฟรีแลนซ์ เพราะต้องใช้เพื่อขายของให้แก่ลูกค้า ถ้ายังไม่มั่นใจว่าตัวเองเจ๋งพอหรือยัง
ก็พยายามหาเวลาว่างไปฝึกปรือทักษะที่เราถนัดให้ชำนาญมากกว่านี้ ถ้ายังไม่มีก็รีบสร้างขึ้นมาจากสิ่งที่เราทำแล้วรักและมีความสุขซะ
2. มีพอร์ตฯ (แฟ้มสะสมผลงาน) ไว้ให้ลูกค้าดูเป็นตัวอย่างแล้วหรือยัง
การมีแฟ้มสะสมผลงาน จะช่วยให้ทั้งเราและลูกค้ามองเห็นสไตล์ที่ชัดเจนของเรา และเป็นตัวช่วยตัดสินใจว่า สไตล์ของเราตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากน้อยแค่ไหน
3. มีช่องทางปล่อยของแล้วหรือยัง
โลกออนไลน์คือแหล่งชั้นดีที่จะมีคนที่หลากหลายสามารถมองเห็นผลงานของเรา ถ้ามั่นใจในผลงานของเราแล้ว
ก็ประกาศให้โลกรู้ไปเลยว่า เรารับงานฟรีแลนซ์ด้านนี้ โดยใช้โซเชียลมีเดียให้เป็นประโยชน์ สร้างแฟนเพจปล่อยของผ่านทาง Facebook, Instagram, YouTube, Pantip หรือ Pinterest แต่ต้องสร้างผลงานใหม่ๆ สม่ำเสมอ
และที่สำคัญต้องโพสต์ลงโซเชียลอย่างต่อเนื่องด้วยนะครับ
4. มีฐานเครือข่ายหรือไม่
ต้องยอมรับว่า ทุกวันนี้สังคมไทยเป็นสังคมอุปถัมภ์ ถ้ามองว่ามันคือตัวถ่วงความเจริญของสังคมแล้วล่ะก็ ลองมองกลับกัน การเป็นฟรีแลนซ์มีความเสี่ยงคือ ลูกค้าจะเชื่อมั่นในฝีมือของเรามากน้อยแค่ไหน และจะจ้างเราสม่ำเสมอหรือเปล่า เพราะฉะนั้นอยากให้มองความเป็นจริงควบคู่กันไป การมีฐานเครือข่าย (Connection) อาจเริ่มต้นจากญาติพี่น้อง เพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้องที่ร่วมสถาบันหรือร่วมงานที่เดียวกับเรา ครูอาจารย์ หรือคนรู้จัก จะช่วยลดความเสี่ยงเรื่องการหางานลงได้บ้าง แต่ถ้าคุณสร้างฐานขึ้นมาได้ด้วยฝีมือล้วนๆ ไม่มีเส้นสาย ก็ถือว่าคุณเป็นคนที่เจ๋งและเก่งมาก
ถ้ามีครบทั้ง 4 อย่างแล้ว ถามตัวเองอีกครั้งว่า พร้อมจะลุยแล้วหรือยัง
แต่ถ้ายังมีไม่ครบ ก็ทำให้ครบกันเถอะ
cr: https://pantip.com/topic/34135607
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อยากเป็นฟรีแลนซ์ ต้องรู้ให้รอบด้าน
เมื่อถึงการทำงานในยุคนี้มีความแตกต่างจากการทำงานในรูปแบบเดิม เพราะเข้าถึงงานได้ง่ายขึ้น ผ่านการทำความเข้าใจและศึกษาเกี่ยวกับอาชีพหรืองานที่สนใจ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่อยากจะเริ่มงานใหม่ และสิ่งหนึ่งที่หลายคนนิยมนำมาแบ่งปันคือการบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับงานที่ทำ ผ่านการเล่าประสบการณ์ สำหรับใครที่กำลังอยากจะเริ่มต้นงานใหม่ หรืออยากหางานเสริมทำเพื่อสร้างรายได้เพิ่มจากเดิม มาติดตามกันว่ามีอาชีพอิสระหรืองานไหนบ้างที่คุณสามารถเริ่มต้นทำได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องวุฒิการศึกษา บางทีงานที่น่าสนใจอาจสร้างรายได้ให้กับคุณได้อย่างดีก็ได้ มาเก็บข้อมูลกันว่าหากต้องเลือกงานควรเลือกพิจารณาอย่างไร
งานอิสระที่ทำแล้วประสบความสำเร็จขึ้นอยู่กับคุณ
คนทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนเมื่อเริ่มเบื่อกับการเป็นมนุษย์เงินเดือนแล้ว ก็อยากจะเริ่มต้นเป็นเจ้าของธุรกิจ เป็นนายตัวเองโดยไม่ต้องนั่งรอเงินเดือนเพียงอย่างเดียว งานเสริมหรืองานอิสระจึงกลายเป็นคำตอบของคนที่อยากจะเป็นนายตัวเอง เนื่องจากสามารถต่อยอดทำเป็นธุรกิจส่วนตัวหรือเป็นงานที่คุณสามารถออกแบบเวลาการทำเองได้ อาชีพเสริมที่สามารถเริ่มต้นเป็นธุรกิจส่วนตัวเป็นที่สนใจของผู้ที่อยากจะมีธุรกิจส่วนตัวเป็นของตัวเอง ในยุคนี้มีรูปแบบของงานให้เลือกอยู่หลากหลายเพื่อให้ตรงความต้องการและความความชอบ การทำความเข้าใจในงานและติดตามรีวิวประสบการณ์จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
1.อยากทำงานอิสระต้องค้นหาสิ่งที่ชอบ งานอิสระที่สร้างรายได้ดีและต่อยอดเป็นงานประจำได้นั้น สิ่งสำคัญคือความชอบและความถนัด หากอยากจะเริ่มต้นชีวิตการทำงานใหม่ ควรเริ่มต้นตั้งแต่ค้นหาสิ่งที่ชอบก่อน
2.อย่ากลัวที่จะลงทุนในครั้งแรก ไม่มีงานไหนที่จะประสบความสำเร็จได้ง่าย ๆ ต้องเริ่มต้นลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนด้วยเงิน หรือลงทุนด้วยเวลา ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ทำให้คุณได้เริ่มต้นกับสิ่งที่อยากจะทำ ไม่ว่าจะประกอบอาชีพใด ก็ต้องอาศัยความกล้าที่จะลงทุนทั้งสิ้น
3.ต้องหมั่นวางแผนการทำงาน อาชีพใดก็ตามที่ขาดการวางแผนการทำงาน มักจะพบกับปัญหาซ้ำที่แก้ไขไม่ได้ เพราะขาดการวางแผนที่ดี
4.ความขยันและการเก็บเกี่ยวประสบการณ์สำคัญมาก เป็นคุณสมบัติของคนที่ประสบความสำเร็จในอาชีพ หากอยากจะประสบความสำเร็จต้องอาศัยความขยันและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
5.บริหารเวลาให้เป็น การบริหารเวลาเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญกับชีวิตการทำงาน โดยเฉพาะผู้ที่อยากจะทำงานอิสระหรือฟรีแลนซ์ หรือแม้แต่ผู้ที่ต้องการทำงานเสริมควบคู่ไปกับงานประจำ การบริการเวลาให้เป็นซึ่งเป็นหัวใจหลักเรื่องหนึ่งที่ทำให้การทำงานนั้นตรงตามเป้าหมายที่วางไว้และทำงานให้สำเร็จลุล่วงตามเวลาที่กำหนด
shutterstock_407822332
หัวใจของการทำงานอิสระให้กลายเป็นอาชีพหลักในอนาคตคือต้องมีการวางแผนการทำงานที่ดี บริหารเวลาให้เป็น และต้องมีผลงานที่มีคุณภาพ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันนี้ฟรีแลนซ์มีอยู่มากมาย แต่ละแขนงงานมีความสามารถในสิ่งที่ถนัดแตกต่างกันไป ซึ่งหากต้องการสร้างรายได้จากการทำงานอิสระต้องทำได้อย่างดี มีมาตรฐานการทำงานที่ยอดเยี่ยม ส่วนอาชีพเสริมที่ได้รับความนิยมและมีผู้ที่ผันตัวจากมนุษย์เงินเดือนมาเป็นฟรีแลนซ์มีงานไหนบ้าง ติดตามกันได้เลย
อาชีพนายหน้า
อาชีพนายหน้าขายบ้านเป็นงานหนึ่งที่ไม่ต้องนั่งประจำอยู่ในสำนักงาน สามารถทำเป็นงานอิสระควบคู่กับงานประจำได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการพบปะกับคนใหม่ ๆ พูดคุย และนำเสนอข้อมูลเป็นงานหนึ่งที่สร้างรายได้ได้ไม่น้อย สำหรับอาชีพนายหน้ากลายเป็นงานที่หลายคนสามารถต่อยอดเป็นธุรกิจส่วนตัวได้ด้วย สร้างรายได้และงานที่มั่นคงให้กับชีวิตได้เป็นอย่างดี
งานประดิษฐ์
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบงานฝีมือหรืองานประดิษฐ์ เป็นงานรูปแบบหนึ่งที่สามารถรับมาทำเองที่บ้านได้โดยไม่ต้องเสียเวลาไปที่สำนักงาน แต่มีข้อควรระวังคือเรื่องความปลอดภัย เช่น ตรวจสอบที่อยู่ของผู้ว่าจ้าง และหากต้องมีการชำระเงินเพื่อซื้ออุปกรณ์การทำงาน ควรตรวจสอบเพิ่มเติมถึงชื่อและสัญญาว่าจ้างงานด้วยเพื่อความปลอดภัยและไม่ต้องสูญเสียทรัพย์สิน เนื่องจากมีผู้ที่ถูกหลวงลวงจากการโฆษณาและการจ้างงานผ่านทางอินเทอร์เน็ตเป็นข่าวให้ได้ติดตามกันอยู่เสมอ
ตัวแทนจำหน่ายสินค้า
ปัจจุบันสินค้าความงามได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างมาก ทำให้มีหลายคนสนใจและหันมาเลือกทำธุรกิจเกี่ยวกับความงามเพิ่มยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถเริ่มทำงานนี้ได้โดยไม่ต้องลงทุนสูงมาก ขึ้นอยู่กับขั้นต่ำของแต่ละแบรนด์สินค้า สำหรับผู้ที่ต้องการเลือกทำธุรกิจนี้ควรมีการวางแผนและเลือกแบรนด์สินค้าที่มีความน่าเชื่อถือ เพราะเป็นการเริ่มทำงานที่ต้องลงทุนก่อน อาจมีการสต็อกสินค้าจึงจะได้ราคาที่ถูกลงเพื่อนำมาขายให้ได้กำไร
ปัจจุบันนี้มีการรีวิวอาชีพเสริมให้เป็นแนวทางสำหรับผู้ที่กำลังมองหาอาชีพ เป็นประสบการณ์ของผู้ที่ได้ลองทำงานนั้นมาแล้ว ซึ่งเป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้หลายคนได้เรียนรู้ว่าแต่ละงาน แต่ละอาชีพกว่าจะประสบความสำเร็จหรือไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ หากอยากจะเริ่มต้นเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือทำงานอิสระ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือวินัยและการแบ่งเวลาที่ดี เพราะแม้ว่าจะมีความสามารถมากแค่ไหน หากไม่มีวินัยและวางแผนการทำงาน ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงาน
cr: https://moneyhub.in.th/article/how-to-be-freelance/
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Comments
Post a Comment